ในหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่งมีเด็กชายที่อยากรู้อยากเห็นชื่อธีโอ เขาเป็นเด็กธรรมดา แต่มีจินตนาการพิเศษ วันหนึ่งในช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่เย็นสบาย ขณะที่เขากำลังสำรวจป่าแห่งเสน่ห์ที่มีชื่อเสียง เขาก็พบต้นไม้ที่แปลกประหลาดไม่เหมือนต้นไม้ไหนที่เขาเคยเห็น ชาวบ้านมักพูดถึงต้นไม้ที่สามารถนำพาเขาทะลุผ่านผืนผ้าของเวลาได้ และตรงนั้นมันตั้งอยู่ท่ามกลางใบไม้สีส้มเรืองรอง
ธีโอเดินเข้าใกล้ต้นไม้ที่น่าอัศจรรย์และสัมผัสเปลือกของมันอย่างเบามือ ทันใดนั้น เขาก็ถูกห้อมล้อมด้วยแสงสวยงาม และเมื่อมันหายไป เขาพบว่าตัวเองอยู่ในโลกที่มีชีวิตชีวา—ฉากในอดีตที่เต็มไปด้วยอัศวิน มังกร และปราสาท อากาศเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ และชาวบ้านที่ตกใจสูดหายใจเข้าในอาการตกตะลึงเมื่อมังกรตัวใหญ่นั้นกางปีกออก ที่นั่น มีอัศวินผู้กล้าหาญยืนอยู่ ไม่ยอมถอย
“เจ้ากลัวตายหรือไม่ อัศวินผู้กล้าหาญ?” ชาวบ้านคนหนึ่งร้องถาม
“การมีชีวิตอยู่คือการต่อสู้” อัศวินตอบด้วยความกล้าหาญ ยกดาบขึ้นสู่ท้องฟ้ามืดมน ธีโอรู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก—มันเหมือนกับการกระโดดเข้าสู่หน้าของนิทาน ในขณะนั้น อาจารย์ธนูรู้สึกถึงการมีอยู่ของธีโอ ชวนเขามาทานอาหารค่ำ ด้วยความรู้สึกว่าเขาเป็นส่วนหนึ่งของที่นั่น ธีโอจึงตอบรับ
ขณะรับประทานนกกระจอกเทศย่าง อาจารย์ธนูเล่าเรื่องการเดินทางของเขาผ่านกาลเวลา “การสัมผัสเพียงครั้งเดียวจากต้นไม้แห่งเวลาสามารถพาเจ้ามาที่นี่หรือแม้กระทั่งไปอนาคต” เขาพูดด้วยรอยยิ้มที่รู้ทัน หลังจากค่ำคืนที่เต็มไปด้วยเรื่องราวต่างๆ ธีโอกล่าวลา และด้วยพลังที่มองไม่เห็น เขาก็กลับไปยังต้นไม้นั้น สัมพันธ์ที่ยั่งยืนถูกผูกพันไว้ในหัวใจของเขา
เมื่อคิดว่าตนเองสามารถสำรวจโอกาสเพิ่มเติม ธีโอจึงกลับไปที่ต้นไม้อีกครั้ง ด้วยการสัมผัส เขาถูกพาไปยังภาพที่เงียบสงบริมทะเลสาบขนาดใหญ่ ดอกไวโอเล็ตที่เหยียบใต้เท้าปล่อยกลิ่นหอมอบอวล ที่นั่น เขาเจอหญิงสาวผู้เงียบสงบที่มีดวงตาเศร้าสร้อยนั่งอยู่ขอบน้ำ หลังจากที่เธอเล่าเรื่องของเธอ ธีโอรู้สึกนึกถึงกระต่ายเพื่อนรักของเขาที่เขาสูญเสียไปเมื่อหลายสัปดาห์ก่อน
“ฉันหวังว่าฉันจะสามารถพบกับเพื่อนขนฟูที่หายไปอีกครั้ง” ธีโอกระซิบ ปล่อยให้ความปรารถนาในใจของเขาไหลออกมา
ทะเลสาบนั้น shimmering และจากความลึกของมัน เพื่อนที่หายไปของเขาได้ปรากฏตัวขึ้น กระโดดเข้ามาหาเขา และเมื่อได้หัวเราะและกอดเขา ธีโอก็รู้ว่าช่วงเวลาแห่งความรักแบบนี้จะไม่มีวันจางหายไป ไม่ว่าเวลาใดก็ตาม ด้วยน้ำหนักที่หลุดออกจากหัวใจวัยรุ่นของเขา เขากลับมาที่ต้นไม้อีกครั้ง
การเดินทางครั้งถัดไปของเขาพาเขาไปยังอนาคต หลักที่สูงตระหง่านแตะต้องฟ้าและยานพาหนะที่บินได้เต้นระบำอยู่ในอากาศ แต่ความโศกเศร้ายังคงอยู่ในดวงตาของผู้คน พวกเขาทักทายธีโอด้วยมารยาทที่เย็นชาไร้ความสุข
“ทำไมเจ้าถึงไม่ยินดีในโลกที่น่าอัศจรรย์นี้?” ธีโอถามผู้เดินผ่าน
บุคคลนั้นกระพริบตาอย่างว่างเปล่าและพูดว่า “ความสุขเป็นแนวคิดเก่าแก่ เราเรียนรู้ว่ารูปแบบทุกรูปแบบของความสุขนำไปสู่ความโศกเศร้า ดังนั้นเราจึงลบอารมณ์ของเราแทน”
หลังจากใช้ชีวิตมากับเสียงหัวเราะและน้ำตา เด็กชายรู้สึกเวทนาอย่างมากต่อผู้คนที่ไร้อารมณ์เหล่านี้ แม้ว่าจะมีโลกที่ส่องแสงราวกับทันสมัย ธีโอเลือกที่จะเป็นชีวิตที่เรียบง่าย เต็มไปด้วยความรักในหมู่บ้านของเขาเสมอ
เมื่อรู้ว่าการผจญภัยของเขาถึงจุดสิ้นสุด ธีโอจึงกลับไปที่ต้นไม้อีกครั้งหนึ่งสุดท้าย บทเรียนจากการเดินทางของเขาถูกฝังอยู่ในวิญญาณของเขาตลอดไป วันกลายเป็นสัปดาห์และตามด้วยเดือน ขณะที่เขาใช้เวลาคิดถึงการเดินทางเหล่านั้น
เขารู้ว่าเวลาเป็นของขวัญอันมีค่าที่เขาไม่สามารถเสียไปได้ ทุกการเต้นของนาฬิกาเต็มไปด้วยความทรงจำที่ตราตรึงใจ ทุกวินาทีมีโอกาสใหม่ๆ เสนอมา
จากเด็กชายที่หลงใหลในความฝัน ธีโอได้เติบโตเป็นชายหนุ่มที่รอบคอบ ยอมรับความซับซ้อนของชีวิตทั้งความสุขและความเศร้า และเมื่อเขาหาสิ่งที่กล้าแล้วที่จะแบ่งปันข้อความเหล่านี้กับคนอื่นๆ พวกเขาก็ได้เรียนรู้ถึงเสน่ห์ของการใช้ชีวิตอย่างชื่นชมในทุกช่วงเวลา—a บทเรียนที่มีค่ามากกว่าตัวเวลาเอง
ดังนั้น เรื่องราวของธีโอและต้นไม้แห่งเวลาก็ยังคงอยู่ ช่วยเตือนทุกคนที่ได้ยินเรื่องเล่าว่ามนต์เสน่ห์ที่แท้จริงไม่ได้อยู่ในดินแดนแฟนตาซี แต่ในช่วงเวลาที่ล้ำค่าของความรักและประสบการณ์ที่เราแบ่งปันกับกันและกัน