กาลครั้งหนึ่ง ณ ทุ่งหญ้าที่มีแดดส่องสว่างซึ่งหญ้าสูงเต้นระบำในสายลม มีเจ้ากระต่ายตัวน้อยฉลาดชื่อแรนดี้ ด้วยหูยาวและหางขาวฟู แรนดี้เป็นที่รู้จักของสัตว์ทุกตัวว่าเป็นผู้ที่สามารถคิดหาวิธีแก้ปัญหาที่ดีที่สุดได้เสมอ วันหนึ่งเขากระโดดผ่านทุ่งไปเยี่ยมเพื่อนๆ ของเขา
แรกสุด เขาพบเกรกผู้เป็นแพะที่กำลังเคี้ยวหญ้าอยู่ริมฝั่งแม่น้ำ
“มีข่าวอะไรไหม เกรก?” แรนดี้ถาม
“เรื่องเดิมๆ ไม่มีอะไรเกิดขึ้นที่นี่เลย” เกรกบ่นขณะเคี้ยวหญ้า
“ดีใจที่ได้ยินเช่นนั้น” แรนดี้ตอบ “มันอาจไม่ใช่ข่าวดีสำหรับฉัน แต่ก็ถือว่าโอเค”
“ทำไมมันถึงไม่ใช่ข่าวดีสำหรับคุณล่ะ?” เกรกถาม
“เพราะไม่มีอะไรเกิดขึ้นที่นี่สำหรับเพื่อนของคุณ;” แรนดี้กล่าวลาเกรกและเดินต่อไป
ต่อมา เขาพบแซลลี่ผู้เป็นกระรอกที่เพิ่งลงมาจากต้นไม้สูง
“สวัสดีตอนบ่าย แซลลี่” แรนดี้กล่าว
“สบายดีหรือ แรนดี้? ฉันกำลังคิดถึงคุณอยู่พอดี ไม่มีอะไรเกิดขึ้นตั้งแต่คุณไปแล้ว”
“ไม่มีอะไรเลวร้ายเกิดขึ้นใช่ไหม?” แรนดี้ตั้งคำถาม
“โอ้ ไม่ มีอะไรเลย” แซลลี่ตอบ
“แล้วฉันก็ดีใจที่ได้ยินเช่นนั้น” แรนดี้กล่าวและเดินต่อ เขาหยุดคุยกับกัสผู้เป็นหมาล่าสัตว์สักครู่แล้วจึงผ่านไป แต่เขารู้สึกว่าไม่มีอะไรใหม่เกิดขึ้นที่นี่เช่นกัน
แต่เมื่อเขาพบกับเพื่อนที่ดีที่สุดของเขา แซมผู้เป็นนกน้อยสีฟ้า เขามีข่าวมาบอก
“มีนกจิ้งจอกตัวหนึ่งเพิ่งเข้ามาในทุ่ง” แซมกล่าว “มันหิวอยู่ตลอดเวลา และทุกครั้งที่ฉันเห็นมัน มันจะมีแววตามองหิวอยู่เสมอ มันมองเราทุกคนที่ออกไปหาอาหาร แต่ก็ซ่อนตัวอยู่ตลอดเวลาเมื่อเรามีกันอยู่ ขึ้นชื่อว่าเมื่อใดที่เราออกจากสายตามัน มันก็จะวิ่งเข้ามาหาอาหาร คุณควรระวังผู้มาเยือนที่หิวโหยนี้นะ แรนดี้”
พูดตามตรง แรนดี้เองก็หิวเช่นกัน แต่เขาหาเมล็ดพืชและเชอร์รี่ได้บ้างซึ่งเขากินไปจนถึงบ้าน เมื่อทุกคนเงียบอยู่ในบ้านในคืนนั้น จิ้งจอกเฟร็ดก็แอบเข้ามาในสวนของแรนดี้และขูดรูเล็กๆ ใต้รั้ว
เขาพึ่งสอดจมูกของเขาผ่านรูเมื่อเสียงเห่าของหมาและแสงไฟสว่างจ้าทำให้เขาต้องถอยกลับ และเขาจึงต้องอยู่ในสวนครัวที่โคลนทั้งคืน หลายครั้งในวันถัดไป เขาพยายามเข้ามาในสวนของแรนดี้ และทุกครั้งที่ประตูเปิดและหมาเห่า เขาจะวิ่งหนีไปเหมือนกับจะซ่อนตัวอยู่ในพุ่มไม้จนกว่าจะมีโอกาส แต่เขาก็ไม่สามารถผ่านประตูเข้าไปได้เลย
คืนหนึ่ง แรนดี้เปิดประตูเล็กๆ ไว้ และเช้าตรู่จิ้งจอกเฟร็ดก็รีบเข้ามา จากนั้นเมื่อรออยู่หลังต้นไม้หรือพุ่มไม้ของวัชพืช แรนดี้ก็กลับบ้าน แต่เขาจะบอกเพื่อนของเขาทุกครั้งว่าหากพวกเขาไม่มีธุระในสวนของเขา ให้ระวังอยู่
สาเหตุของเรื่องนี้คือพฤติกรรมการล่าที่เจ้าเล่ห์ของเฟร็ด จิ้งจอกเฟร็ดมีวิธีการจับจ้องดูว่ากระต่ายทำอะไร และหากเขาเห็นแซมบินขึ้นด้วยหนอนขนาดดี เขาจะรอจนกระทั่งนกหลบไปจากสายตาและจากนั้นวิ่งไปขูดหารูที่พวกเขาขุดไว้ เฟร็ดได้ทำความรู้จักกับสวนนี้เป็นอย่างดี จนทำให้แรนดี้แทบจะต้องเจอกับเพื่อนเจ้าเล่ห์ของเขาอยู่เสมอ
แรนดี้ก็ออกจากบ้านด้วยหนอนสิบสองตัว และเมื่อเห็นเปลือกหนอนตกอยู่ที่พื้นในจุดที่จิ้งจอกเฟร็ดได้เข้ามาและออกไปอยู่บ่อยครั้ง เขาจึงคิดหนัก และเมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว เขาก็ออกไปที่ประตูพร้อมกับเพื่อนสิบสองตัว ซึ่งเขาได้สนทนาเกี่ยวกับวิธีการที่เจ้าเล่ห์ของจิ้งจอกเฟร็ด
พวกเขาพบว่าเวลาที่หนอนหายไปนั้นได้ถูกนำไป “ฉันคิดไว้แล้ว ฉันคิดไว้แล้ว” แรนดี้กระต่ายกล่าว และเดินต่อไป
ไม่นานพฤติกรรมเจ้าเล่ห์ของเฟร็ดก็ถูกเปิดเผย และแรนดี้ไปหาผู้เป็นเพื่อน แซม “เจ้าเล่ห์” เขากล่าว “รอให้ออกมาว่าหนอนมาจากไหน และพอเราออกจากพื้นดิน มันก็ขูดหาหมายที่เราขุดไว้”
“ฉันจะจัดการมันเอง” แซมกล่าว และจากไปสักครู่ เขากลับมาพร้อมกับหนอนประมาณหนึ่งร้อยตัวและกล่าวว่า “เพียงพอสำหรับพวกเราทุกคน และบรรจุได้ดีด้วย”
เช้าตรู่วันถัดมา นกทั้งหลายก็บินมาเอาหนอนมากมายให้มาที่สวนของแรนดี้เพื่อดูว่าสามารถทำให้สัตว์ที่หิวโหยได้หรือไม่ เฟร็ดที่แอบดูอยู่จากระยะไกลเมื่อได้กลิ่นของอาหารที่ดีจึงรีบมาที่นั่น ซ่อนอยู่จากสายตาภายในพุ่มไม้ใกล้รั้วและคอยมองดูสิ่งที่เกิดขึ้น นกต่างยุ่งอยู่ในการส่งมอบและลืมเรื่องจิ้งจอกไป
ในที่สุด หลังจากที่มีหนอนหนักๆ ถูกส่งมามากมาย จิ้งจอกเฟร็ดก็แอบเข้ามา และก้มต่ำจนสามารถยื่นอุ้งมือผ่านประตูเล็กได้ แต่ทันใดนั้นประตูก็ถูกปิดโดยหมาที่ลงมาเพื่อเลียเจ้านายของเขาให้ตื่นขึ้น และแทนที่จะได้อาหารเย็นที่ดี เฟร็ดจิ้งจอกกลับมีแต่อาการเจ็บจมูกเท่านั้น
บทเรียนคือ “ปัญญาคือสิ่งที่ทำให้ชนะ ความเฉลียวกร้านนำมาซึ่งชัยชนะ มากกว่าความแข็งแกร่ง”