ในหมู่บ้านเล็กๆ ที่เงียบสงบ เมื่อดวงอาทิตย์จมดิ่งไปหลังภูเขา ลมอ่อนๆ จะพัดกระทบใบไม้ สร้างเสียงเหมือนเสียงหัวเราะจากที่ไกลๆ ที่เนินหญ้า เขียวขจี สีสันต่างๆ ของพระอาทิตย์ตก danced กับท้องฟ้า ขณะที่แมลงหวี่บินไปมาเหมือนนางฟ้าน้อย และในหมู่บ้านนั้น ในบ้านเก่าหินใกล้ลำธารที่ไหลระริกนั่งอยู่ เรย์ โคมไฟเก่า
เขาแขวนอยู่ข้างประตูไม้เป็นเวลาหลายปี ให้แสงอ่อนโยนอาบทั่วประตู เขาแกว่งไปมาเบาๆ กับเสียงกระซิบของลม ขณะที่เสียงของเด็กสองคนเล่นลูกแก้วอยู่ที่ระเบียง แม้จะเป็นโคมไฟเก่าและขึ้นสนิมในบางที่ เรย์รู้สึกว่ายังคงมีความสุขอยู่ในตัวเขา
เมื่อครั้งเมื่อแก้วของเขายังใหม่และใส เด็กๆ จะมองเข้าไปในความลึกของแสงของเขา ตกเข้าไปในเรื่องเล่าที่ถูกถักขึ้นมาจากความทรงจำ เรื่องเล่าของอัศวินและมังกร สตรีผู้มีน้ำใจและนักผจญภัยผู้กล้า ขณะผู้เป็นพ่อและแม่ ผู้วัยชราและคนหนุ่มสาวมารวมกันอยู่รอบๆ เขา งานเลี้ยงสนุกสนานดำเนินต่อไปจนถึงเงามืดของค่ำคืน กับเสียงหัวเราะสุดท้ายที่ยังคงสะท้อนอยู่
เรย์ไม่เคยต้องการเสียงเชียร์หรือแม้กระทั่งน้ำตา ทุกๆ ดวงวิญญาณได้พบความสุขในเรื่องราวที่เขาเปล่งออกมา และทุกคนรู้สึกถึงความสุขที่ไม่มีที่สิ้นสุดเมื่อสุดท้ายม่านรุ่งอรุณลอยเข้ามาเบียดบังความง่วง สำหรับพวกเขา เขาเสมือนโคมไฟอัธยาศัยดี ที่สนุกสนานด้วยความไร้เดียงสา ตอนนี้ในวัยชรา เขาเกษียณไปที่มุมเพื่อฟังผู้คนของเขาพูดถึงประเทศห่างไกล แต่ถึงกระนั้น บางครั้งเสียงของเขายังคงได้ยิน
“พัลส์เกรฟคือพัลส์เกรฟ แต่โลกจะขาดหายไปหากปราศจากเรื่องเล่าที่นำเสนอ” เรย์เคยพูด—แม้จะพูดเพียงกับตัวเองเท่านั้น และไม่เพียงแต่เรื่องเล่าของเขา—หมวกของชาวนา และเสื้อของพ่อค้า; ฐานะนักรบที่ราบรื่น ความตายที่ให้เกียรติ พิพิธภัณฑ์ที่มีทางเดิน—ความหวังเยาว์วัยและความสิ้นหวังทั้งคู่ ทั้งหมดนี้บรรจุเข้าไปในปากกว้างของการพูดคุยเพื่อโลกที่รอคอยของใหม่ แต่เขาก็ยังส่ายไปมาในความเงียบ แสงของเขากำลังเจือจางลงเรื่อยๆ
ปีที่เขาแขวนอยู่ที่นั่นก่อนโพสต์การพบปะในยามเย็น สถานที่พักพิงสำหรับผู้เดินทางที่เหนื่อยล้าหลายคน สร้างมุมมองให้เรย์เห็นภูมิภาคที่แตกต่างจากผู้ฟังเรื่องเล่าที่เขามี ถึงเวลาที่แสงของเขาเริ่มมืดมัว เขารู้สึกว่าเขาเป็นเพียงเรื่องเล่า ตัวสายด้ายอันน้อยที่ยังผูกพันความทรงจำส่วนใหญ่ของอดีตที่หายไป
“ฉันเป็นคนแก่โง่เขลา ไม่มีอะไรนอกจากเรื่องเล่าเก่าๆ ที่น่าสงสาร” เขาโอดครวญ เสียงของเขาถ่ายทอดความเหลื่อมล้ำในทุกโทนที่เขาสามารถทำได้ “ทำไมฉันต้องขยับหัวอย่างมีความหมาย ถาม และเห็นอกเห็นใจความเจ็บปวดของร่างกายและหัวใจ ความวิตกกังวลของครอบครัวและรัฐ เรื่องของภรรยาและการจัดการบ้าน และการยืมเงิน ที่จะไม่เกิดขึ้นในอีกสิบเดือนหรือมากกว่านั้น? มันเกี่ยวข้องอะไรกับฉัน และมันเกี่ยวข้องอะไรกับผู้ฟังของฉัน? แน่นอนว่ามันคือความคิดและความรู้สึกที่ถูกบรรทุกหนักด้วยสิ่งเหล่านี้เมื่อฉันยังหนุ่มที่ฉันปิดบังจากเด็กๆ เหมือนกับสำลีที่ถูกบีบไว้ด้วยการรับมือของชีวิต แทนที่จะเป็นพวกเขาฉันอาจร่ายเวทมนตร์ขึ้นหลายร้อยเรื่องทุกเย็น ตอนการต่อสู้ หรือการรักษาโรค奇迹 การทะเลาะที่พูดในงานศพ หรือเพลงงานเลี้ยง? อาฮ… ความคิดเหล่านี้กลับมาฉันรู้สึกถึงความรู้สึกผิดที่น่าสลดใจมากกว่าการหยอกล้อ! โลกนี้เป็นสถานที่ที่ดี แต่ไม่มีฉันและสิ่งของของฉัน มันไม่ดีเท่าที่ควร พวกเขาคิดกันไม่มากว่าจะสามารถแนะนำพวกเขาได้แค่ไหน เรย์โคมไฟ… และนี่คือการตอบแทนของฉัน? หูของฉันถูกเอาออก—แม่เอ๋ย สงสารฉันด้วย เพราะฉันไม่สามารถดึงหัวที่หนักหน่วงนี้ไปผ่านการสั่นสะเทือนที่ไม่สิ้นสุดนี้ได้! และจากนั้นก็ถูกโยนไปรอบๆและสั่นในลมเพื่อให้มีที่ว่างสำหรับละครและคำพูดที่เย้ายวนใจที่พวกเจ้านำเสนอ น่าจะได้เก็บไว้จากกำแพงแห่งความลืมเพื่อที่จะได้เลือดออกต่อแฮงค์ที่แตกสลายนี้ ที่อย่างไรก็ตามก็แนะนำคุณอย่างสุภาพ ทั้งด้านกวีนิพนธ์และนวนิยายของโลก! และเป็นการอ่านและแปล อ่านและแปลเพียงเท่านั้น โอพระเจ้า แต่ฉันกำลังผอมลงที่นี่!”
เขาถอนใจและกำลังจะเริ่มร้องไห้
“โอทำไม ทำไมมีความว่างเปล่านี้อย่างกระทันหัน?” เขาพูด “ก่อนหน้านี้ฉันรู้เสมอว่าจะไปเอาเรื่องเล่าถัดไปจากที่ไหน แม้ก่อนที่ความสว่างจะพยักหน้าอำลาเพื่อตัดไฟทั้งหมดและบอกว่า ‘ราตรีสวัสดิ์’ แต่ตอนนี้ความทรงจำของฉันแห้งแล้ง ฉันไม่รู้ว่าจะแบ่งเบาแม้กระทั่งตัวเอง ชีวิตของฉันมันน่าสังเวช ชะตากรรมที่น่าสลด! เรื่องเล่าทั้งหลายมีค่ามากกว่า ภาพของมนุษย์ที่มีชีวิตในกระจกทรายที่กระทำอยู่ในท่านั่งเงียบสงบ คุณเห็นดังนั้นใช่ไหม เพื่อนเก่า?” เขาถามภาพที่แขวนอยู่ตรงข้าม—สตีฟ โรเจอร์สในชุดเกราะขนาดใหญ่ สะท้อนภาพกันกับพระอาทิตย์ตกที่งดงาม
แต่เจ้าของการประชุมตอนเย็นนั้นชินกับศัตรูที่ได้มาอย่างกระทันหัน และอย่างที่เรย์กล่าวมาตลอดด้วยความขำขัน เขากำลังทำงานอยู่ในย่อหน้าขนาดใหญ่ที่ชื่อว่า: “บุรุษผู้ยิ่งใหญ่ในกรณีส่วนมากคือผู้รอบรู้” ที่ไม่มีใครพูดกับเขา เขาก็ไม่รับรู้แม้จะยกมันขึ้นสูงเพื่อชี้ให้เห็นขนาดจริงของมัน เขาไม่ใส่ใจต่อผู้เป็นเจ้าบ้านที่ไม่โดดเด่น
จากสองนายตำรวจที่ยืนอยู่ข้างๆ หนึ่งคนมอบปากว่า “มาเถอะ เปลี่ยนไปเป็นท่าทางของนกฟีนิกซ์ทั้งวันไม่ใช่หรือ? นั่นไม่ใช่การบังคับมากเกินไปหรือ? อา… คุณลาออกไปอย่างร่ำรวยเหมือนที่ผู้คนทำ—หรืออาจเป็นคนรับใช้ที่มีคนจนกว่า หรือเพื่อนบ้าน อย่างน้อย เขาบางคน!” แต่คนอื่นมีภาระที่หนักกว่า duties ที่จะต้องแบกรับ และเขาเห็นเพียงแต่เพื่อนของเขา
จากนั้นความคิดหนึ่งได้พุ่งเข้ามาในหัวของเรย์! เขาพยักหน้าเห็นด้วย ขณะที่เขาคร่ำครวญอย่างเงียบๆ ยกขึ้นบนปลายหู: “ตอนนี้ในนามของทุกท่านที่บินอยู่ในสวรรค์ อย่าลืมนะ! ตอนนี้ฉันหวังว่าที่นี่จะมีอะไรใหม่ที่จิบได้ คุณไม่จำเป็นต้องลังเลในการดื่มอย่างเต็มที่นะ ฟังใจและใส่กระสอบของคุณให้ดี ด้วยความหวังว่าเป็นเพื่อนที่รักมากที่จะสนับสนุนฉัน! และฉันสามารถเก็บสะสมได้มากนะ คุณก็รู้—เพราะสิ่งที่แน่นอนมันคือการใช้ชื่อว่า ‘ต้นไม้ทะเลตายที่ไม่มีที่สิ้นสุด’ ที่ไม่เคยเติมเต็มให้กับบรรณาธิการที่ร่ำรวยที่นั่น! แต่ความทรงจำที่เหมือนกันกับพวกเขา ฉันไม่เคยมี และอาจจะไม่มีใครที่นี่ ถ้าตาฉันไม่ถูกบังเสียสิ? และในขณะที่คนอื่นมีส่วนร่วมกันอย่างกระตือรือร้น ข่าวของคุณกลับมายังออกมา โอพระคริสต์ที่เปล่งปลั่ง!”
แต่รอคอยความคิดเรย์ อยู่ภายในเวลาที่จัดการอย่างดีกับนาฬิกาที่ประพฤติอย่างไร้เหตุผลที่ไม้ของมันมีการโต้ตอบทางเสฉวนกับตุ้มสองแขนอยู่ที่นั่นอยู่ตลอดเวลา ที่ตอนเช้าที่ยุ่งเหยิงติดตามนารีแห่งเวลาเมื่อมันพูดจริงอะไรออกมา ฮึบ!
เรย์รู้สึกอับอายต่อสิ่งที่เป็นที่พึ่งพาได้ของการค้าดังที่เขาเคยโฆษณา เสียงกระวนกระวายทุกทำนอง!
“แต่ในคืนนี้ ทุกอย่างจะสิ้นสุดลง ขอบคุณพระเจ้า! สุดท้ายฉันแทบเผชิญหน้ากับไวน์และรัมที่ทางจรจัดจะเอามาให้เร็วๆ นี้” เรย์คิด “แค่ฟัง เขาอยู่แล้วในเก้าอี้ที่นั่ง หรือเป็นที่ที่เขาใช้คำว่า ‘แหล่งน้ำแห่งชีวิตของจิตวิญญาณ’ อะไรที่ดีอะไรเพื่อนที่ดี! เป็นการจัดการอย่างชาญฉลาด—คุณคิดเช่นนั้นไหม?” เรย์พูดกับภาพ
แต่ไม่มีใครเงี่ยหูฟัง ดังนั้นสุดท้ายโคมไฟเก่าที่ยังมีเพียงเสียงน้ำที่ไหลและเด็กสองคนในมุมระเบียง
“แต่บ้านด้านล่างเงียบมาก สอดส่องได้ถึงการนอนอยู่ในทุกๆ รอยยิ้มของใบหน้าที่สงบดีที่หน้าต่าง”
“ใช่ ทุกอย่างด้านล่างเงียบเชียบ” เรย์ถอนใจเมื่อได้ยินนิ้วมือของนางเวลาที่พยายามนวดร่างกายของมันจนมีเพียงน้อยนิดเหลืออยู่กับบล็อกหินแกรนิตใหม่ที่มันได้รับการพิสูจน์แล้ว
เรย์รู้สึกหมดแรงจากการที่ไม่มีอะไรพูดคุยด้วยและรู้สึกว่ามันยาก:
“ตอนนี้ฉันได้ยินการเล่าขานใหม่ที่เข้ามาพร้อมอุปกรณ์จากขโมยยาชา ฉันอยากจะเทกรดซัลฟิวริกลงไปในเส้นเลือดของเขา” เขาพิจารณาชั่วขณะเกี่ยวกับความคิดที่น่าสยดสยอง—จากนั้นลองพร่ำที่เบาๆ ให้ตัวเอง:
“หยุดเถอะ อาการล้าต้องหยุด, ชีวิตต้องให้หยุด”
ขณะที่ด้วยแสงของความหวังที่กระจ่างขึ้นอย่างกระทันหัน เรย์พยายามอย่างกลายๆ จะไป tậnบาสราห์ โดยใช้เชือกอันไม่เรียบร้อยซึ่งเขายังสามารถพูดคุยได้ ในโบราณสถานของอียิปต์แห่งนี้ และในรุ่งอรุณที่ทอแสงอันพราวใจเทียบสิ่งที่จุดประกายอยู่ในใจ
เรย์ปรารถนาความร้อนดำของบ่อเกลือแห่งทะเลตาย เพื่อความว่างเปล่าในอากาศอันหนาวเหน็บ—เพื่อให้รู้สึกตื่นขึ้น ขึ้นไปถึงยอดของปล่องของเขา ในฟอสฟอรัส
“โอ้ เธอ แองเจลาที่มีตาที่ใหญ่! จะไม่มีวันสิ้นสุดจะจัดทำให้ฉัน? สิ่งเจดีย์อาจเริ่มเจาะเข้าไปอย่างตะลุย อาฮ!”
เขาหัวเราะเสียงดังจนทำให้ระฆังของผู้เฝ้าประตูแกว่งไปมา สร้างเสียงกระทบที่น่าตื่นเต้นภายในเป็นล้านๆ ราวกับจะทำให้ทั้งหอเก็บข้าวสาลีแสดงออกว่าจะมีใครขอร้องล่ะ เมื่อหูใหญ่ไม้ของเขา ซึ่งตัดสินใจออกไป: “นายเจ้าของ! อย่าทิ้งให้ไปอยู่ในโหมดไม้ทั้งหมดนี้โดยไม่ทำให้ตัวเจ้าคิดไม่ดีนะ ตัวฉันก็ได้—เป็นอย่างไรก็รับรู้ได้ดี”
ตรงนี้มีอาการอ่อนแรงของนรภีกันมากมายยิ่งขึ้น จนกว่าตัวตนจะตึงร่วมพันธนาการ
“และนี่คือมารยาทที่ดีของคนมีการศึกษา!” เตือนโน๊ตของอารมณ์ชายให้มีจิตวิญญาณให้กับพี่น้องที่ทวยทาง “นั่นคือสิ่งที่ด้อย!” เสียงนี้มาจากใต้เรย์ ขณะที่ความสดใสกระจายรอบตัวเขาอย่างพอใจ
“ดูสิ จะต้องมีบางอย่างซ่อนอยู่บ้างนะ แม้ผิวเผินของการพูดคุย!” กล่าวถึงสัญญาณบางอย่างซึ่งให้ความเป็นอยู่ของแรงงานดูเหมือนจะสมบูรณ์ “และเฝ้าดูให้ดีด้วย! เมื่อคำพูดกระทบกระแสนั้นสำคัญที่จะให้มีอาชีพมากมาย โดยจะสามารถปรุงคำสำคัญให้เป็นจริงมากกว่านี้ได้!”
เรย์หัวเราะอย่างมีความสุข—สิ่งที่ได้แก่สารสำคัญที่คืนสู่การรับรู้ผู้คนจึงเป็นความเชื่ออันดีต่อคุณภาพการให้ชีวิต เพื่อนคงจะดีขึ้นตามใจให้มีสะดวกยิ่งขึ้น และอย่าหนักเตือนเงี้ยติดต่อกลับไปยังเหมือนกันทั้งเดิมในสังคมมืดเข้าใจเกี่ยวกับการออนไลน์ที่เปิดให้กันระหว่างกันเอง