เจ้าหญิงกับปราสาทผลึก

นานมาแล้ว ในอาณาจักรที่ได้รับพรจากแสงแดดและความสามัคคี มีปราสาทผลึกที่ยิ่งใหญ่ตั้งอยู่บนยอดเขา เสียงดังก้องประดุจเป็นสัญญาณนำแสงแห่งความรุ่งโรจน์ มันเป็นหัวใจของอาณาจักร สะท้อนถึงความฝันและความหวังของประชาชน ที่อยู่ภายในปราสาทอันงดงามนี้มีเจ้าหญิงเบลล่า ประทับอยู่ ซึ่งเป็นบุตรีแห่งพระราชาและพระราชินีที่มีจิตใจดีงามและแผ่รัศมี เจ้าเบลล่ามีความงามที่ไม่อาจเปรียบเทียบ ทั้งในรูปลักษณ์ด้วยเส้นผมสีทองและชุดสีน้ำเงินที่แวววาว แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือธรรมชาติที่อ่อนโยนและจิตใจที่มีเมตตาของเธอ เธอรักประชาชนของเธออย่างสุดซึ้ง และมักใช้เวลายามเย็นเดินเล่นในสวนสวยที่เต็มไปด้วยดอกไม้หอม

อย่างไรก็ตาม ยังมีสิ่งหนึ่งที่เจ้าหญิงยังไม่รู้ ว่าอาณาจักรที่เธอรักกำลังถูกคำสาปจากพ่อมดชั่วร้ายที่ถูกกำจัดไปนานแล้ว พ่อมดนี้อิจฉาความงามและความดีของเจ้าหญิง จึงได้ทำการวางคำสาปชั่วร้ายที่จะถูกทำลายได้เพียงโดยการสารภาพความรักที่ผิดจริงเท่านั้น ทุกวันเมื่อดวงอาทิตย์ตกดิน ความมืดจะเข้ามาห่อหุ้มอาณาจักร ทำให้สีสันที่สวยงามของดอกไม้เลือนหายไป และเสียงนกร้องเพลงที่สดใสเงียบสงัด กลิ่นหอมที่เคยมีหายไปพร้อมกับความหวังและความสุข

คืนหนึ่ง ขณะที่เบลล่านั่งอยู่ในสวนของเธอ ชื่นชมแสงสุดท้ายของดวงอาทิตย์ เธอก็ได้ยินเสียงหนึ่ง ภายในใจเต็มไปด้วยความประหลาดใจ เธอหันไปพบกับชายหนุ่มรูปงามที่มีดวงตาสีเขียวมรกตและผมสีน้ำตาลเข้มกำลังเข้ามาใกล้ เขาโค้งคำนับอย่างมีระดับ แนะนำตัวเองว่าเป็นเจ้าชายเจมส์จากอาณาจักรใกล้เคียง เขาได้ยินเสียงเล่าเรื่องความงามและความกรุณาของเธอ จึงรู้สึกอยากเห็นแสงที่แผ่รัศมีของเธอ เจ้าชายมีแผนที่จะขอแต่งงานกับเจ้าหญิงเบลล่า ซึ่งเป็นธรรมเนียมของพวกขุนนางหนุ่มในวัยของเขา ความรักมักเบ่งบานเมื่อไม่คาดคิด

เบลล่ารู้สึกยินดีจึงเชิญให้เขาเดินเล่นไปด้วยกัน เวลาผ่านไปหลายชั่วโมง พวกเขาพูดคุยกันอย่างลึกซึ้ง ค้นพบความสนใจ ค่านิยม และความฝันที่ต่างกันแต่เข้ากันได้ เจ้าชายปรารถนาจะเดินทางไปยังดินแดนที่ห่างไกล ในขณะที่เจ้าหญิงปรารถนาที่จะรับใช้ประชาชนของเธออย่างไม่หวั่นไหว แต่นี่ทำให้ความสัมพันธ์ที่เพิ่งเริ่มเติบโตมีเงาของความแตกต่าง ปะปนด้วยความรู้สึกที่ไม่คาดคิดอันทำให้บรรยากาศเบาบางลง

หลังจากพบกันอีกหลายครั้ง เบลล่ารู้สึกชอบเจ้าชายเจมส์ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าความรู้สึกของเธอจะเป็นความจริง แต่เธอรู้สึกอยากให้แน่ใจก่อนว่าหัวใจของเธอจะนำเขาไปในทางที่ผิดเมื่อต้องเรียนรู้เกี่ยวกับคำสาป เธอแสดงความขอบคุณ แต่เธอรู้ดีว่าเธอไม่สามารถหมั้นหมายได้จนกว่าสวนจะกลับคืนสู่ความสวยงาม แสงสีทองและกลิ่นหอม เธอได้ทำให้เจ้าชายเจมส์เกิดความสนใจ จึงอ้อนวอนให้เธอเปิดเผยความลับของปราสาทอันลึกลับ

“เจ้าชายของฉัน” เบลล่าพูด น้ำตาไหลออกจากดวงตาของเธอ “แสงกลับคืนสู่สวนของฉันได้ก็ต่อเมื่อมันปรากฏในใจของใครสักคน ฉันต้องการรู้ว่าคุณจริงใจในความรักของคุณหรือไม่ ถ้าคุณไม่จริงใจ ความหวังของเราจะหายไป และทำให้ชีวิตในพื้นที่นี้กลับไปสู่คำสาปตลอดกาล”

“แต่” เจมส์ตอบ ด้วยเสียงที่สั่นเครือ “ฉันสาบานว่ารักของฉันเป็นจริง และเราเป็นของกันและกันตลอดไป”

ด้วยความตื่นเต้น เขาจับมือเธอแน่น ทำให้เธอรู้สึกตกใจ รักทำให้พวกเขาหลงเสน่ห์อีกครั้ง น่าเศร้าที่ขณะที่เบลล่าจ้องมองเขาและรู้สึกอบอุ่นล้นเกินไป เธอตระหนักว่าเขาไม่จริงใจเหมือนที่เธอหวังไว้ ความรู้สึกของเขาเป็นเพียงความหลงผิดในตัวเองเท่านั้น

ไม่ต้องการยอมรับความเศร้า เธอจึงปล่อยเขาไป และสัญญาว่าจะกลับมาในรุ่งอรุณวันถัดไป เบลล่ารู้สึกผิดหวังและเหนื่อยล้า หลับใหลอย่างรวดเร็ว โดยอธิษฐานขอพลังในการเผชิญสิ่งที่จะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้

เช้าตรู่ ฝนตกหนัก ทำให้บรรยากาศที่เคยแห้งแล้งและมืดมนเกิดชีวิตขึ้น อย่างที่คาดไว้ เจมส์กลับมา แต่เขานำข่าวร้ายมาด้วย: พระบิดาของเขา เสียชีวิตในคืนที่ผ่านมา ทำให้เขาต้องกลับไปที่บ้านเพื่อดูแลการเตรียมการครั้งสุดท้าย ก่อนจากไป เจมส์พยายามยืนยันความรักอีกครั้ง พูดซ้ำคำที่ควรจะทิ้งไว้ แต่ลำบากที่ปล่อยวางจากความจริง น้ำตาที่เป็นทุกข์ไหลรินลงไปบนแก้มของเบลล่า; ข้างในเธอคิดว่าแท้จริงแล้วความรักคือพลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในจักรวาลเมื่อบางครั้ง การตั้งคำถามก็ทำให้เกิดความสงสัยที่สูงส่งกว่า

แต่ตามกฎหมายแห่งความรัก เจ้าหญิงเบลล่าไม่ต้องการที่จะบีบบังคับหัวใจของเขาอีกต่อไป โดยที่สันติภาพของอาณาจักรกำลังถูกคุกคาม เธอจึงตัดสินใจปล่อยเขาไปให้เป็นอิสระ โดยที่รักยังคงอยู่และบริสุทธิ์ ในคืนแรกที่เจ้าชายเจมส์จากไป ฝนก็หยุดตก ขณะที่เจ้าหญิงเบลล่ามองดูสวนที่ส่องแสงน้อยลงและสาบานว่าเธอยังคงไม่เป็นที่รู้จักต่อเขา อีกครั้ง ชายหนุ่มที่รูปงามอีกคนได้ปรากฏตัวตามมา และชายคนที่สามในรุ่งอรุณนั้น ความน่าสนใจในแต่ละฝ่ายได้ดึงดูดความคิดมากมาย ชายหนุ่มเหล่านี้ล้วนแต่เป็นผู้ที่มีความประสงค์ จะเบลล่าหลีกเลี่ยงพวกเขาได้หรือไม่ในเมื่อเรื่องราวเกี่ยวกับการหมั้นหมายของเธอกำลังเต็มไปด้วยทางเดินในปราสาท?

ไม่นานหลังจากรุ่งเช้า ในเสียงดนตรีของพิณและไวโอลินที่ดังขึ้นจากเจ้าหญิงที่ปรารถนาตามชื่อที่ปรอบสนามและความปรารถนาแห่งความรัก กอดจูบเบาๆตกลงมาจากท้องฟ้า เขากลับมาอีกครั้ง—แต่ไม่ใช่เพียงเขาเช่นกัน ชายทั้งหลายคุกเข่าข้างหน้าเธอ และเล่าถึงสัมพันธ์ที่มีความหมาย ณ ยามเย็นท่ามกลางกลิ่นหอมของดอกไม้ ตัวเลือกที่หนุ่มน้อยมอบให้ดูไม่ชัดเจน แต่ความไม่สมบูรณ์ในความสัมพันธ์ของพวกเขาผลักดันชะตากรรมของความจริง

“น่าทึ่งนะ คุณไม่คิดอย่างนั้นหรือ” พวกเขายืนพูดขึ้นพร้อมกัน “ว่าสวนของคุณกลับคืนสู่งดงามดั่งเดิมเมื่อความมืดมาถึง? เจ้าหญิงที่รัก เราเป็นเพียงชายสามัญ ได้พยายามในความสามารถที่แตกต่างกัน ต่อไปนี้เราจะยังคงไม่แน่ใจ; ค่านิยมหรือความเชื่อของมนุษย์ในปัจจุบันมันยังคงหลายหลายใช่หรือไม่? ความจริงคืออะไร? ความจริงคือ แน่นอนว่ามันคือของฉัน ของคุณ และของเจมส์—ด้วยเช่นกัน!”

นั่นเป็นเวลาที่แรงดึงดูดที่เป็นรูปธรรม ปลดปล่อยอาณาจักรผ่านคืนเดือนหลายเดือนหลังจากนั้น ชายหนุ่มสิบคนได้เดินทางกลับไปยังงานศพของเจ้าชายเจมส์ ออกเดินทางโดยมีบรรยากาศที่แปลก แต่สวยงาม ไม่มีใครคาดคิดถึงบึงตมที่ขรุขระหรือปราการที่สูงตระหง่านเพื่อป้องกันการเข้ามาโดยไม่มีใครทำให้การจำกัดดูเหมือนเป็นสิ่งที่มองไม่เห็น เมืองแห่งความขัดแย้งมักไม่คาดหมาย คล้ายแรงดึงดูดจิตใจ โดยที่ความรักตอบสนองด้วยรูปแบบและมีเสน่ห์ง่ายๆความสัมพันธ์นี้จึงมีความผูกพันอย่างแน่นแฟ้น—มันง่ายกว่าพูดว่าสัญญาใดๆที่มีความเจ็บปวด

ดังนั้น จึงเกิดขึ้นในคืนที่ไม่สามารถต้านทานได้ ความลับฉาบทับในร่างกายอันเหนื่อยล้า ความเฉพาะและวงกลมขึ้นอยู่กับความไม่รู้สึกตัว เรื่องเล่าอาจดูไม่น่าเชื่อ แต่ก็นำมาซึ่งหลักฐานและอารมณ์เคลื่อนไหวอย่างเข้มข้น

ในที่สุด ดยุคแห่งเดนมาร์กได้ถูกทอดทิ้งให้บริบูรณ์ ความเข้าใจเกี่ยวกับการประทับใจของชาวระหว่างกันในวัฒนธรรมจบลง เมื่อบาดแผลเริ่มคลายใจที่อยู่ภายในอย่างชัดเจน ความเข้าใจกลับคืนสู่เรื่องราวในจิตใจโดนต่อสู้มากน่าพิศวง ความดีพิชิตความชั่วอย่างสมบูรณ์ หากแต่ยังมีมิติที่แตกต่างของความทุกข์ยากชั่วคราวกลับไม่ทำให้จบสิ้น มีสายตาที่ริษยาขนาดมหึมากำลังมองหา และวิญญาณที่มองไม่เห็นกำลังพวยพุ่ง

ความซื่อตรงกลับกลายเป็นความจริงสำหรับร้อยชีวิตกลับมาอย่างช้าๆอีกครั้ง ความมืดเริ่มทำลายภาพสะท้อนในคืนที่มหัศจรรย์ซึ่งยังเดินหน้าต่อไปนั้น ทำให้วันแล้ววันเล่าหายไป

เวลาผ่านไป วันแปรผันเป็นเดือน โดยวันนี้ไม่มีเหตุผลที่สำหรับการรอคอยในพื้นปฏิบัติ เรื่องวิวาห์อันเลิศเริ่มขึ้นระหว่างหญิงเยือกเย็น—ซึ่งจะแปรชื่อเมื่อมองว่ามันเป็นที่แท้จริง—และเจมส์ รูปลักษณ์ของเธอนั้นเปล่งประกายเกินกว่าจะเป็นวันปรากฏให้เห็นได้ แต่เจ้าหญิงเบลล่ายังคงซื่อสัตย์ในงานอำลาของเธอ ความทุกข์ใจนั้นคุ้มค่าหรือไม่—ซึ่งทั้งหมดสงบเงียบเมื่อใดก็ตามที่เห็นลูกแก้ว

ความสงบจึงปลดปล่อยซึ่งเป็นจิตวิญญาณแห่งศิลปะที่ค่อยๆรักษาบาดแผลอย่างช้าๆ ถึงแม้จะเป็นการตีความที่ซับซ้อนจำกัดกลุ่มชนรอบข้างในจำนวนจ่าหมายไม่เป็นที่นับว่าอาจส่งผลผ่านความยากลำบากที่รุนแรงทั้งนี้ก็ไม่สะดวกที่จะทำลายปัญหาที่ไม่มีที่สิ้นสุด

ในที่สุดคืนเวลาที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงกลับมา เนื่องจากวัน เสียงดนตรียังคงอยู่ซึ่งตัดสินใจในช่องว่างที่น่าผิดหวัง ในทางกลับกันเหนือกว่าความคาดหวังมากมาย เมื่อใดก็ตามที่การเดินทางมาตามหาทางที่แสนยาวนานพากลับมาร่วม บ่อยครั้งวิธีการนี้กลายเป็นจุดเริ่มต้นที่หน้านั้นง่ายต่อการรับเข้าใจในอดีต

และที่ไหนสักแห่งในที่ที่ถูกสร้างขึ้นโดยไม่อาจลบเลือนความจริงจาก แต่ได้กลายเป็นความกล้าหาญกับความลึกลับในความยาวหนา และเหมือนจะมีช่วงเวลาอยู่ที่แทรกรวมตัวกันในแนวเรื่องซึ่งอยู่รอบภาพที่ไม่เคยเกิดขึ้นจริง

English 中文简体 中文繁體 Français Italiano 日本語 한국인 Polski Русский แบบไทย