ในวันฤดูร้อนที่ร้อนระอุ ใต้ทะเลลึกใกล้แนวปะการัง มีปลาสีเหลืองตัวเล็กชื่อฟินน์ว่ายน้ำไปมา “ร้อนจัง ร้อนมาก” เขาบอกกับตัวเอง เขาหวังที่จะว่ายไปยังน้ำเปิดที่พ้นจากแสงแดดร้อน โดยที่มีความเย็นสบายมาสัมผัส
เขามีความสุขมากจนยื่นทั้งสองปีกของเขาเพื่อว่ายน้ำไปอย่างรวดเร็ว แต่เขาก็ได้ยินเสียงที่เรียกเขาว่า “ฟินน์! ฟินน์! อย่ารีบร้อนนะ”
เสียงนั้นคือเพื่อนของเขาคอรัล ราเดียกต์ ปลาที่ว่ายเร็วและร่าเริงที่สุดที่เคยมีมา เมื่อเขาหยุดเพื่อให้เธอมาว่ายร่วมกัน เขาก็นึกขึ้นได้ว่าเขาต้องปฏิบัติต่อสาวน้อยในทะเลที่ละเอียดอ่อนนี้อย่างสุภาพที่สุด แค่คิดถึงสิ่งนี้ทำให้เขาว่ายน้ำอย่างเบาๆ และนุ่มนวลมากขึ้น
“เรามีจุดหมายไปไหนกันนะ คอรัล?” เขาถามเมื่อเธอมาถึง
“ฉันจะไปหากลุ่มปลาตัวเล็กๆ ที่อาศัยอยู่ในรูหินตรงนั้น” คอรัลกล่าว พร้อมชี้นิ้วไปที่รูหิน “พวกเขาจัดมื้ออาหารดีๆ ให้ฉันเสมอเมื่อมาที่นี่ มาว่ายน้ำด้วยกันเถอะ แล้วดูสิว่าเราจะพบสแปลชเพื่อนของเราปลาหมึกไหม”
ทั้งสามว่ายไปตามแนวปะการังและไม่นานก็มาถึงรูหินที่กลุ่มปลาน้อยอาศัยอยู่ โดยมีความสุขเมื่อพบสแปลชที่ให้การต้อนรับฟินน์อย่างอบอุ่นเมื่อเขาเจอเขาอีกครั้ง ฟินน์บอกว่าเขากำลังจะไปกับคอรัลที่โรงเรียนของปลาน้อยๆ ที่รอคอยเธออยู่ จากนั้นทั้งสามก็ขึ้นไปที่หิน และคอรัลก็เคลื่อนที่ไปมาในท่ามกลางหินแหลมคมเหมือนกำลังว่ายน้ำในทรายที่เรียบ
เธอสวยงามมากจนยากที่จะมองเห็นเธอในหมู่ปะการังและหอยทะเล แต่ปลาตัวเล็กตัวหนึ่งซึ่งขลาดกลัว และแต่งตัวในชุดสีขาวเผลอว่ายเข้าใกล้ปะการังสีแดงและหอยแหลมคมมากเกินไป ทำให้ปักแน่นและไม่สามารถหลุดออกไปได้
เมื่อคอรัลเห็นเหตุการณ์นี้ เธอก็รีบไปที่ปลาตัวเล็กที่ร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด บอกเขาว่าไม่นานฟินน์และสแปลชจะมาเพื่อช่วยเขา เธอจึงว่ายน้ำไปหาพวกเขา และเมื่อพวกเขามาถึงที่ที่เธอกำลังว่ายน้ำไปมา เธอก็บอกความลับนั้น
“เราต้องระมัดระวังมากๆ” ฟินน์กล่าว “ถ้าเราดึงเส้นเหล่านี้ อาจจะทำให้เขาเจ็บปวดมากยิ่งขึ้นและแน่นกว่านี้ มาลองดูกันก่อนว่าจะทำให้หอยและปะการังหลุดออกได้หรือไม่ สแปลช ถ้าคุณยืดแขนไปทางนี้ ฉันจะดึงปลาตัวเล็กด้วยปากของฉัน และคอรัลจะช่วยดึงหอยและปะการังด้วยฟินของเธอ คุณจะลองไหม?”
สแปลชยินดีที่จะช่วยเพื่อนๆ ด้วยวิธีนี้ เขาโอบรอบปลาตัวเล็กเพื่อให้ปลานั้นสงบลง และฟินน์ดึงให้เต็มที่ แต่หอยและปะการังแหลมคมไม่ขยับเลย ต่อไปคอรัลที่มาพร้อมกับความพยายามมากมาย ทำให้เธอเจ็บหลายครั้ง และในที่สุดเธอก็สามารถเอาหอยแหลมออกได้ ซึ่งจริงๆ แล้วเป็นหินหนักที่ฟินน์ไม่สามารถขยับได้ จากนั้นเธอก็ดึงปะการังแหลมออกจนแตกเป็นชิ้นๆ และทีละชิ้นๆ เธอก็ปลดปล่อยปลาตัวเล็กที่โชคร้าย คอยโบกฟินด้วยความขอบคุณแม้ว่าเธอจะเจ็บตัวก็ตาม
สแปลชซึ่งได้ถือปลาตัวเล็กให้ตรงและนิ่ง ปล่อยเขาในที่สุด และฟินน์ดึงๆ และดึงๆ ด้วยความช่วยเหลือจากคอรัล จนในที่สุดชิ้นส่วนปะการังที่แหลมคมที่สุดก็หลุดออกมา เลือดไหล และปลาตัวเล็กก็เป็นอิสระ
“กลับไปเถอะ ปลาตัวเล็ก กลับไป!” เขาตะโกน แต่ในช่วงเวลานั้นเอง เพื่อนที่ประมาทอย่างบิงโกปลากล้วยก็มาพร้อมกับการติดอยู่ในกับดักเดียวกันที่ปลาตัวเล็กเพิ่งหลุดออกมา เขาเป็นเพื่อนที่งี่เง่าของคอรัลที่ชอบชวนเธอออกไปเดินในทรายที่นุ่มและบางครั้งก็ว่ายรอบๆ ก้อนหิน คอรัลรู้สึกเสียดายที่จะปฏิเสธเขา แต่เธอไม่สามารถช่วยได้
แต่ฟินน์และสแปลชเดินทางต่อไป และกำลังจะพาคอรัลไปด้วย ดังนั้นแม้ว่าพวกเขาจะรู้ว่ามันน่าเศร้า พวกเขาก็ยังไม่สามารถช่วยตัวเองได้เพราะต่างคนต่างว่ายไปมาจนทำให้ฟินของพวกเขาเจ็บปวดมากจนแทบจะขยับไม่ได้
เมื่อฟินน์ได้ยินว่าบิงโกปลากล้วยคือคนที่ติดอยู่และต้องการความช่วยเหลือ เขาก็รู้สึกกล้าหาญมาก อะเมซอนแทบไม่อยากเห็นเพื่อนปลากล้วยที่น่าสงสารมีสีหน้าที่เศร้าสร้อย
“นั่นคือความกล้าหาญที่ฟินน์แสดงออก” สแปลชกล่าวกับคอรัล “เธอไม่รู้จักเขาเหรอ?”
แล้วคอรัลก็รู้จักเขา และรู้ว่าการมีเพื่อนที่กล้าหาญนั้นสำคัญ แม้ว่าเขาจะอาศัยอยู่ห่างออกไปจากปลายอีกฝั่งหนึ่งของทะเล พวกเขาต้องผลักดันและตามฟินน์และสแปลชไปตลอดทาง แม้จะกลัวว่าอาจมีปลาสกูตเตอร์มาขัดขวางใครไม่ให้ผ่านไปได้ ในขณะที่เศรษฐกิจทะเลยังอยู่ในสภาพนี้ เมื่อพวกเขาใกล้เข้ามาอีกนิด ก่อนที่ใครๆ จะต้องหมดหวัง พวกเขาก็พบเพื่อนที่ดีที่สุดของฟินน์กลับมาจากปลาสกูตเตอร์ นั่นคือปลาหมาตัวหนึ่งที่ว่ายไปมาง่ายดายจนปลาส่วนใหญ่ไม่สามารถสัมผัสได้ “โอ้ เพื่อนที่รักของฉัน” พวกเขาร้อง “พวกเธอกำลังคิดอะไรอยู่? รู้ไหมว่าพวกเธออยู่ที่ไหน?” และเขาก็พุ่งไปตามเส้นทาง ว่ายไปมาให้เห็นจนในที่สุด บริเวณที่เต็มไปด้วยหินกลมเล็กๆ ก็เต็มไปด้วยปัญหาและถูกดึงเข้ามา ทำให้ทุกคนในทะเลรู้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น จากนั้นเขาเข้าสู่ทะเลและพวกเขาก็เคลื่อนที่ ชายหนุ่มก็มองเห็นว่าไม่ใช่ทางออก เขาจึงดึงไม้ลอยทั้งหมดที่อยู่ข้างหน้าเขาจนถึงจุดนั้น
“โอ้ หยุด! หยุด!” ฟินน์และผองเพื่อนของเขาตะโกน แต่ไม่มีใครได้ยินสิ่งที่พวกเขาพูด สิ่งเดียวที่ทำได้คือเขาเดินไปมาอยู่นอกสวนอย่างไร้ประโยชน์ จนทำให้ไม่มีเรือลอยไม้ที่จะมาล่องเรือใกล้ๆ เขาได้ แต่ถึงแม้เขาจะทำเช่นนี้ทั้งวันก็ไม่ได้ทำให้เขาเจ็บ และยังคงจับตามองปลาหมาด้วย
จากนั้นทั้งทะเลก็ถอยกลับ นั่นคือเสียงนกร้องตื่นจากวันฤดูใบไม้ผลิที่ยาวนานและไม่พลาดเสียงเพลงที่ร่าเริง ปลาทองและทับทิมเริ่มออกตามหาและเข้าถึงที่พักที่สร้างขึ้นในความทรงจำ สิ่งที่นานดูคล้ายจะมี จะพบกับวันแห่งการที่โดนัลด์ถูกปล่อยสู่ทุ่งหญ้ากับลูกในเขตที่ต้องรดน้ำ มันคือความสุขที่น่ารักและฟินส์ที่น่ารักที่สุดที่เคยมีอยู่
พวกเขารวมตัวกันทั้งหมดและแต่ละคนก็นำเพื่อนของเขาอีกห้าคนมาเพื่อช่วย ดังนั้นพวกเขาจึงทำในน้ำอย่างเด็ดเดี่ยวเพียงแค่โดยความร้อนในใจ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ความสุขที่มีอยู่ในไอศกรีมไม้ที่ทุกคนรอคอย จะมีเพียงคำถามเดียว ถ้าผู้เล่าเรื่องในทะเลจะกรุณาให้เหล้ายาข้ามน้ำเพื่อทำให้เย็นลง พวกเขาขอร้องอยู่เสมอ “กรุณาๆ เชิญชมเหล้า”
แต่ชายหาดที่รอคอยพวกเขาทำเช่นนั้นด้วยสิ่งที่แข็งแรงที่สุดที่พวกเขามีเพื่อเย็นตัวลง และยังคงทำแบบนี้ตลอดทั้งวันถัดไป เพื่อให้พวกเขายังคงเย็นสบาย “ไม่ ไม่เสมอไป” ผู้เล่าเรื่องในทะเลตอบ “จากนั้นฉันจะเล่าเรื่องให้คุณฟังใต้ทะเล” และเสียงเรียกของชายทะเลที่มีฝนตกหนักซึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันก่อนทำให้เกิดความรู้สึกตามธรรมชาติ แต่ไม่ยาวนานนักเมื่อฤดูร้อนทั้งหมดยังคงร้อน พวกเขาเผาไหม้ต่อไปและยืนประจัญหน้าต่อกัน
ก็เพราะอายุของทุกคนมากมาย คิดว่าโลก มารดาแผ่นดิน ได้เสื่อมโทรม และจะเปลี่ยนไป การเกิดขึ้นในโลกนี้ก็มีมากมาย ไม่สามารถถูกมองข้ามไปได้ด้วยน้ำหนักมากมหาศาลที่ร่วงหล่นจากที่นั่งของพวกเขา แต่มันก็เกิดขึ้นจริง และมันก็เป็นเรื่องง่ายที่จะสร้างแถวรอบขอบฟ้า
“ทำไมพวกเธอถึงได้ทำแบบนี้?” พวกเขาถามผู้ดำเนินการปลากล้วย ดังนั้นพวกมันจึงพูดถึงเขา
ข้างต้นอาจดูเหมือนเป็นวิธีตั้งคำถามที่แปลกของนาร์วัล แต่แล้วก็เห็นได้ชัดว่าเขาอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่ โดยที่ทุกคนต้องช่วยเหลือกันเหมือนชาวประมงทั่วไป และผู้ดูแลก็ยังคงเป็น คำแนะนำนี้แสดงให้เห็นว่า มีปลาในท้องทะเลทุกคนควรทำให้ดี เมื่อปลาทั้งหมดนั้นมีชีวิตชีวามาก สร้างความเข้าใจที่ลึกซึ้ง
พวกเขาจึงทำให้ตัวเองเป็นอวนเล็กๆ ของท้องฟ้าหรือสิ่งที่ยอดเยี่ยมอื่นๆ ที่บรรจุสิ่งนี้อยู่ แต่เจ็บปวดจริงๆ ที่เห็นว่าแต่ละคนหันไปหากันเมื่อใกล้ชิดกับความเหน็ดเหนื่อยของทะเลและทุกคนที่อยู่บนบกที่คิดหรือพูดน้อย อย่างไรก็ตามเมื่อมาถึงอย่างยิ่งใหญ่พวกเขาต้องการให้ชีวิตในเท่าน้ำขึ้นน้ำลงเพื่อความรุ่งเรืองอย่างยิ่งในใจ
เมื่อความสดใสต้องขึ้นมาในหลายๆ อย่าง และเข้าใจเสียงบีบตะวัน คุณจะท่องไปในบรรโลกใหม่ที่นั่นนานๆ ในแบบที่เป็นผู้ชายในน้ำ เขาหรือเธอไม่เพียงแค่ทำแทนที่เป็นไปได้แต่ยังมีสิ่งที่แปลกอย่างดังกล่าวแทนที่ ทำให้เวลากลับไปเป็นประโยชน์แก่ความทรงจำที่ตั้งอยู่ด้านข้างของความงามสั้นๆ ในการคัดค้านและกลับมาก ระดับท่องเที่ยวของการประสบการณ์มากมายหลังประตูก็มาถึง ลมในไม้เบาะของน้ำที่บ้าเปิดกว้างในมุมหนึ่ง และทุ่งเลี้ยงได้เคลื่อนตัวเองไปเรื่อยๆ ในกรณฑ์ความคุ้นเคยในการอัพเดทถึงทุกสิ่งที่ต้องเกิดขึ้น