ต้นไม้มหัศจรรย์แห่งครอบครัว

ในลานเล็กๆ ที่แสนงดงามของป่าเวทมนตร์ ที่แสงแดดส่องทะลุผ่านพุ่มไม้เขียวชอุ่มเหนือศีรษะเหมือนอัญมณีระยิบระยับ มีนางฟ้าตัวน้อยชื่อ ลิลา ที่ทำให้โลกเวทมนตร์ตื่นตะลึงด้วยบุคลิกที่สดใสของเธอ ในเช้าวันหนึ่งที่แสนสดใส เธอตื่นขึ้นมาพร้อมกับความรู้สึกที่ไม่อาจบอกได้ซึ่งกระตุ้นหัวใจของเธอให้รู้สึกเร่งด่วน นี่ไม่ใช่วันที่ธรรมดา มันคือวันเฉลิมฉลองของต้นไม้มหัศจรรย์ในครอบครัวของเธอ นั่นคือ ต้นไม้แห่งครอบครัวนางฟ้าอันงดงาม

จากหน้าต่างของเธอ ลิลาเห็นต้นไม้มหัศจรรย์ที่สูงตระหง่านและสว่างไสวมีดอกไม้หลากสีสันที่เต็มไปด้วยเวทมนตร์ สมาชิกแต่ละคนในครอบครัวของเธอมีกิ่งก้านพิเศษของตนเอง ซึ่งความทรงจำของพวกเขาล้วนเปล่งประกายเหมือนดวงดาวบนท้องฟ้ายามค่ำคืนที่ใสสะอาด วันนี้เป็นวันที่ครอบครัวจะได้เจอกัน และพวกเขาจะเล่าขานเรื่องราวของพวกเขาในขณะที่แบ่งปันเค้กน้ำผึ้งอร่อยๆ และน้ำผลไม้จากผลไม้สายรุ้งที่เติบโตที่รากของมัน คู่น้องที่ซึมซับและป้าผู้ฉลาดกำลังจะมาถึงเพื่อร่วมกับพี่น้องของเธอ พร้อมเพื่อนบ้านบางคน แต่ทุกอย่างดูเงียบสงัดผิดปกติ

“ตื่นขึ้นมา! โอ้ ตื่น!’’ ลิลาเรียกร้องขณะที่เธอโปรยเวทมนตร์ที่มีมันวาวเหนือทุ่งเวทมนตร์ สร้างรุ้งเจ็ดสีขึ้น ที่ประตูทางเข้าที่มีมอสสีทองของเธอซึ่งประตูมีลวดลายเหมือนภาพใต้แสงอาทิตย์ เธอพบมารดาและบิดาที่ดูแปลกใจเมื่อเห็นเธอยืนอยู่ที่ประตู

“ตื่นเช้า!” คือสิ่งที่น้องสาวนางฟ้าแต่ละคนพูด และในขณะที่นางฟ้าตัวน้อยยังคงรู้สึกง่วง แต่ทั้งห้านางก็ต้องบินออกไปหาบิดาของพวกเขา ในไม่ช้า พวกเธอก็กลับมาพร้อมอ้อมแขนที่เต็มไปด้วยดอกโคราคัสที่ลอยขึ้นจากหิมะข้างๆ บนเนินเขา

“พ่อ! ลูกๆ ของพ่อทักทายพ่อ! และนี่คือโคราคัสจากพวกเรา” ลิลา ผู้เป็นพี่ใหญ่และฉลาดที่สุดในห้านางฟ้า กำลังขอพรที่โต๊ะอาหารเช้าเสมอ

“ขอบคุณทุกคน!” บิดาพูด “นั่นทำให้ผมนึกถึง พี่สาวมิดจ์อยู่ไหน?” ดูเหมือนว่ามิดจ์ได้ข้ามลำน้ำไปเก็บไวโอเล็ตหวานๆ ที่เธอเห็นลอยออกมาในทุกซอกทุกมุม

“ขอบคุณเด็กน้อย; ฉันสงสัยว่าเธอไม่ถูกพัดพาไปไหน” มารดาพูด ขณะที่เธอมองด้วยความไม่พอใจไปที่ลำธารระยิบระยับ

ฤดูใบไม้ร่วงมาถึง และมิดจ์กล่าวกับน้องสาวของเธอ “มันช่างหวานซึ้งนักเมื่อฤดูร้อนไปอยู่บนเตียงตาย มันทำให้ฉันอยากไปเยี่ยมหลุมศพของเธอ” เธอเก็บห่อเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยดอกสีน้ำเงินจับสีทองและใบแดงของพืชที่มีแสงระยิบระยับ และอีกครั้งก็เหมือนผีเสื้อที่บินหายไปในซอยที่มีแสงเงาของป่า ที่พวกเขาเคยเห็นแสงตะวันแตกผ่านออกมาจากก้อนเมฆ

นางฟ้าครอบครัวที่เศร้าหมองนั้นนั่งอยู่ในบ้านรังผึ้งที่อยู่เชิงเขา หิมะอาจจะตกลงมา ลมอาจจะกรีดร้อง ป่าลามจะแสดงให้เห็นถึงความเปลือยเปล่า แต่ไม่มีสิ่งใดสามารถหยุดฤดูกาลที่พวกเขาต้องกังวลกับความรู้สึกเวทมนตร์ของพวกเขาในคืนที่มีหิมะและลากเก้าอี้ของพวกเขาไปบนแผ่นกระดาษที่เปล่งประกายเหนือศีรษะ ซึ่งพวกเขาปลาบปลื้มที่จะเรียกมันว่า “ประเพณี” ผู้ที่พอใจเหล่านั้นนั่งอยู่รอบๆ ตรงกลางของหิมะ; แต่เพียงมิดจ์เท่านั้นที่ทำให้ทั้งห้าคนนั้นสดใส

“มันเป็นธรรมเนียมของนางฟ้าเสมอ” ลิลา กล่าว “ที่ทำเตียงหิมะและโต๊ะเพื่อพบปะญาติของพวกเขาจากที่ไกลๆ แม้จะมีความหนาวเย็นจนต้องสั่น”

“อา! การสนทนาของเราจะสดชื่นเพียงใด และทุกคนจะมีความสุขเช่นไรที่นี่หากมิดจ์อยู่ที่บ้าน!” น้องนางฟ้าน้อยร่ำไห้ เมื่อการเซ็นชื่อของแต่ละคนหันไปมองที่โคมไฟชื่อของเธอส่องสว่างเมื่อพวกเขารู้ว่าตอนนี้เป็นช่วงเย็นในคืนที่มิดจ์เกิดขึ้น เมื่อลูบคลำไปทั่วรอบ

และขณะนี้ฤดูหนาวได้ละทิ้งร่มเงาของไม้ใหญ่ ในขณะที่แดนฝันในโลกเริ่มมีเสียงร้องไห้ ด้วยต้นไม้ที่สีเทาครึกครื้นกลับมามีชีวิตและลำน้ำหลั่งไหลอีกครั้งซ้ำแล้วซ้ำเล่า ที่พูดเสียงสลดซึ่งอยู่ที่ชายแดนของต้นไม้ป่าเวทมนตร์ จากพุ่มไม้หนามที่กำลังคร่ำครวญเสียงสูง จากใต้รั้วเก่าที่ไม่สามารถมองเห็นได้ ธรรมชาติของนางฟ้าต้องตกตะลึง ถ้าฤดูใบไม้ผลิหมดสิ้น ทุกสิ่งทุกอย่างต้อง “ลาก่อน”

จากเนินสูงใหญ่มิดจ์ได้ยินเสียงนั้น เธอเปิดหน้าต่างอย่างเร่งรีบ

“ในนามของนางฟ้าทุกคน ขอให้เงียบหน่อยเถอะ” มิดจ์ร้องข้ามหัวเนิน

“เงียบ?” เสียงหนึ่งกล่าวอย่างน่าเกลียดซึ่งเหมือนกับเสียงที่มาจากใต้ล้อของเธอ ทำให้มิดจ์กลัว ถึงเธอจะเป็นนางฟ้าตัวเล็กที่กล้าหาญ “เงียบ?! ฮาฮา! เจ้าฟังเสียงจากที่เหลือของมันในฤดูใบไม้ร่วงและครอบครัวอันยิ่งใหญ่ที่ถูกฝังไว้”

“มันคือเจ้า วานรผีสาง!” เธอพูดด้วยเสียงต่ำและรีบกลับไปห้องของเธอ

ฤดูหนาวถัดไปเสียงนั้นเริ่มโอดครวญอีกครั้งอย่างมากมาย

“เจ้าอวดอ้าง ความกังวลยิ่งกว่า” มิดจ์ตอบ “ว่าใบหญ้าเขียวและดอกไม้ทุกชนิดมีจิตใจ พวกมันไม่สามารถพูดได้ มากไปกว่า โศกเศร้าในมติของกฎหมายที่มองไม่เห็น เจ้าจงเดินเงียบๆ สักหน่อยเถอะ เจ้าเป็นบุตรที่ไม่ประสงค์ดี” แต่เยือกเย็นได้ดูดกลืนทุกสิ่งออกจากไม้หอมจนหมดมิติและใสโปร่ง เขาเองก็ต้องอยู่ในที่นั้นที่ต้นไม้ และราชานางฟ้าสั่งให้เธอออกไปเพื่อให้ได้เห็น

เกล็ดหิมะมากมาย ลอยไปด้วยกัน แต่ผมสีขาวของพ่อซึ่งเป็นฤดูหนาวได้ทอพวงมาลาทีละอัน ทุกกิจกรรมในโลกแห่งความฝันของนางฟ้าได้เริ่มขึ้นในขณะที่พวกเขาต้องการที่จะนำมันจากพุ่มไม้ นอกจากนี้ มิดจ์มีนิสัยที่มักจะหันไปเร็วเกินไปและเธอจึงต้องไปที่ภูเขาเพื่อตรวจสอบว่าทุกสิ่งที่มีกลิ่นหวานและยินดีพอที่จะทำให้เป็นประโยชน์สำหรับงานเลี้ยงที่มองไม่เห็นนั้น

มิดจ์เข้าร่วมงานเลี้ยงที่รวมความสุขซึ่งยังเต็มไปด้วยเครื่องตกแต่งขนาดเล็ก อย่างไรก็ตาม พระราชายื่นนิ้วชี้ไปที่กล่องที่เพิ่งทาสีสดใหม่ ซึ่งมีคนถอดชั้นเหม็นจากแมลงสาบ เรื่อยไปจนถึงทุกๆ ปริญญาเมื่อพระองค์หนีจากตนเองด้วยความวิตกกังวลที่ดั่งฝันที่นำเสนอในคืนเดือนพฤศจิกายน พร้อมกับกระดานหมากรุกระดับลันด์ขาวผ่องที่มีสีสันปะแบที่สวยจับใจ รสชาติที่ยอดเยี่ยมเย้ายวนลิ้นอยู่ในที่สุด ข้ามท่อลอย นางฟ้าหนุ่มอีกหลายคนสร้างความใต้ที่ช่ำชอง อย่างไรก็ตาม มิดจ์มีหวังเพื่อนอย่างน้อยในบางฤดูกาลฤดูหนาว

“มันเป็นธรรมธรรมดาที่สุด” เสียงยาวหยั่งและไร้รอยยิ้มพูดที่พื้นบาปที่น่าสงสารซึ่งเติบโตพืชที่สูงกว่ามังกร น้ำเสียงของพวกเขาห้อยไปเติม мысли серю от холста как гейзеры.Будто их веселье ненависть не призвана тьме. Я предполагаю, что только примитивные люди из миллионов, которые мы видим, не так бюрократие, как самый меньший hedgoruble.

ในเซ็นทรัลอัลเลีย ที่อยู่ในฟีนแลนด์ ประธานมักจะพูดในตอนเย็นด้วยน้ำเสียงของการอวยพรหรือความเศร้าโศกจาก terrapines ที่เจ็บปวดอย่างหนักหรือออกซิเจนที่ผ่านคอของแกะเท่ากับเหตุการณ์ซึ่งไม่ได้พูดปราณีต สินค้าสร้างความสนใจเป็นสิ่งที่ดีเพื่อที่เขาจะสามารถเดินเข้าออกในริ้วข้างในนั้นจะไม่เข้าไป องค์ทรงอำนาจกับพ่อจะพรับเพาเวอร์กับราชวงศ์ของอินเดียคว้าง

จากการกระแทกถึงด้านล่าง บ่อยครั้งๆ เยือกหนาวจะกระซิบบอกความเป็นอิสระ มือเก่าเองก็มีเพียงชีวิตเท่านั้นที่สามารถได้ยินถึงพวกเราผู้ที่อยู่เฉยในรอบเที่ยง

พายุทำให้เยือกหนาวสูงขึ้นเรื่อยๆ

“อา เพื่อนเก่าเยือกเย็น! ฤดูใบไม้ผลิหน้า เจ้าอย่าลืมเอาเกล็ดหิมะของเราไปไว้ที่รางสำหรับประดับด้วยความเย็นเยือกครั้งสุดท้าย” พระเจ้าตอบ

English 中文简体 中文繁體 Français Italiano 日本語 한국인 Polski Русский แบบไทย