เวทย์มนตร์แห่งสีสัน

ในอาณาจักรที่เต็มไปด้วยสีสันที่ท้องฟ้าประกบชิดดินด้วยสีฟ้าคราม มีรูบี้ นางฟ้าสีสันอาศัยอยู่ รูบี้ไม่ใช่นางฟ้าทั่วไป; เธอมีใจรักในสีสันที่เต้นระบำอยู่ในหัวใจเหมือนแสงอาทิตย์ในวันที่มีอากาศร้อน ทุกชีวิตต่างชื่นชมเธอเมื่อเธอวาบไปมาจากดอกไม้ไปยังต้นไม้ โดยโรยผงเวทย์ของเธอที่ทำให้ทุกอย่างสว่างไสวด้วยสีสันแห่งความสุข

วันหนึ่ง เธอได้ตัดสินใจออกเดินทางไปยังพื้นที่ที่เธอรักน้อยกว่า ขณะที่เธอโบกมืออำลาผู้เป็นเพื่อนที่เป็นผีเสื้อ ความตื่นเต้นพองตัวอยู่ในใจ เธอได้ยินเสียงกระซิบเกี่ยวกับเมืองที่ปฏิเสธสีสัน โดยเชื่อว่าชีวิตจะดีกว่าเมื่อเป็นเพียงสีเทา ด้วยความมุ่งมั่นเปล่งประกายจากดวงตา รูบี้จึงออกเดินทางเพื่อเผยแพร่ความรักต่อสีสันและเวทย์มนตร์ของมัน

เมื่อเธอมาถึงเมืองนั้น เธอสังเกตเห็นใบหน้าที่สงสัยมองเธอ ด้วยสายตาที่ไม่พอใจของชายชราคนหนึ่งที่โกนหนวดเนื่องจากอายุ “นางฟ้าคนดี พวกเราไม่ต้องการสีสันของคุณที่นี่ มันทำลายความสงบ”

“แต่สีสันนำความสุขมาให้” รูบี้ได้ประกาศออกไป เสียงของเธอดังเหมือนเสียงนกร้อง

“ไร้สาระ!” หญิงสาวคนหนึ่งที่ถือbasket กล่าว “สีเทาคือทางเลือก มันให้ความเป็นระเบียบ”

หัวใจของรูบี้รู้สึกตกต่ำ แต่ความหวังยังคงอยู่ เธอรู้ว่าการเปลี่ยนแปลงต้องใช้เวลา แม้แต่ต้นไม้ที่แข็งแกร่งที่สุดก็เริ่มต้นจากเมล็ดเล็กๆ ดังนั้นเธอจึงบินอยู่รอบๆ พยายามทำให้ชาวเมืองหลงรักเธอ แต่ความพยายามของเธอกลับพบกับความเฉยเมย ปฏิเสธความพยายามไม่ยอมแพ้ รูบี้จึงคิดแผนที่ไม่มีใครลืม

การกระทำแรกของเธอคือการทาสีบ้านเล็กๆ ของเธอ เลือกสีเหลืองสดใสที่ทำให้เธอนึกถึงดอกทานตะวัน ในวันถัดไป เด็กๆ ที่เล่นอยู่ใกล้ๆ สังเกตเห็นสีสันสดใสของบ้านเธอและหัวเราะอย่างร่าเริง “เราต้องการสี!” พวกเขาร้องอย่างสนุกสนาน และไม่นานก็ใช้แปรงและถังสีทาสีสนามหน้าบ้านเป็นสีฟ้าและสีแดง แต่ผู้ใหญ่กลับทำหน้าไม่พอใจกับการกระทำของพวกเขา

รู้สึกถึงโอกาส รูบี้จึงเรียกเด็กๆ มาที่จตุรัสเมืองในยามพระอาทิตย์ตกดิน ความอยากรู้อยากเห็นกระตุ้นให้ผู้ใหญ่เห็นด้วยที่จะเข้าร่วม เพราะพวกเขาอยากรู้ว่ารูบี้กำลังทำอะไรอยู่ในครั้งนี้

เมื่อถึงเวลาพลบค่ำ เด็กๆ มารวมกันในชุดที่สะท้อนทุกเฉดสีที่จินตนาการได้ และใบหน้าของพวกเขามีสีเหมือนดอกไม้บานในฤดูใบไม้ผลิ รูบี้ด้วยดวงตาที่เปล่งประกายกล่าวกับพวกเขาว่า “คืนนี้เราจะเฉลิมฉลองเทศกาลสีสัน! มาร่วมกันสร้างสายรุ้งในเมืองสีเทานี้กันเถอะ” เธอได้พัดเวทมนตร์ของเธอและสายลมอ่อนพัดพาใบไม้สีสันสดใส, กลีบของดอกไม้ และกระดาษที่ทาสีสดใสไปทั่วจตุรัส

ในตอนแรก ผู้ใหญ่รู้สึกกังวล กลัวว่าอาจเกิดความโกลาหล แต่เสียงหัวเราะดังก้อง และความสุขแผ่ขยายออกมาเหมือนไฟป่า เด็กๆ เต้นรำและหมุนรอบตัว เสื้อผ้าสีสันของพวกเขาขยับอย่างมีชีวิต เสียงหัวเราะของพวกเขา เสียงกรอบใบไม้ และเสียงนกหวีดของรูบี้ทำให้ค่ำคืนนั้นเปลี่ยนเป็นฉากจากนิทาน

ทีละคน ผู้ใหญ่รู้สึกถึงประกายไฟที่เกิดขึ้นในใจ ความสุ่มเสี่ยงที่ถูกฝังไว้ใต้สีเทานานนมเริ่มบานขึ้นเป็นดอกไม้ที่มีชีวิต เสียงหัวเราะดังออกมาจากปากของพวกเขา และการเต้นรำทำให้ความทรงจำที่เคยถูกลืมความสุขกลับคืนมา

เมื่อเทศกาลสิ้นสุดลง เมืองก็เหมือนตื่นขึ้นมาใหม่ ตระหนักถึงความงดงามของสีสัน พวกเขาพบความสุขในความแตกต่าง ความสวยงามในเอกลักษณ์ และรู้สึกถึงความอบอุ่นแห่งการรวมกันของเมือง

หลังจากผ่านไปหลายสัปดาห์แห่งความสุข รูบี้ก็สำเร็จภารกิจของเธอ เมืองที่เคยไร้สีสันได้เต็มไปด้วยสีสันที่สดใสพอที่จะท้าทายพื้นหญ้าของเธอ เด็กๆ เล่นกันอย่างสนุกสนาน ผู้ใหญ่สวมใส่สีที่สะท้อนความหัวเราะของพวกเขา ด้วยแรงบันดาลใจจากความสุขใหม่ พวกเขาจึงตัดสินใจทาสีบ้านและถนนของพวกเขา ส่งต่อข้อความเกี่ยวกับความหลากหลายไปยังทั่วทุกมุม ระเบียงข่าวสารของเมืองน่าเอ็นดูที่เต็มไปด้วยสีสันได้ไปถึงดินแดนใกล้เคียง ทำให้มีความตื่นเต้นและผู้มาเยือนมาชื่นชมความงามนั้น

แต่รูบี้รู้ว่าการเดินทางของเธอต้องดำเนินต่อไป ด้วยหัวใจที่รู้สึกหวานขม เธอจัดเก็บของและกล่าวอำลาผู้เป็นเพื่อน “จงจำเอาไว้” เธอกล่าว เสียงของเธอมีความเหงา “สีสันมีอยู่ทุกที่—ในใจของคุณและรอบตัวคุณ รอคอยที่จะถูกค้นพบ อย่าลืมที่จะทนทานต่อเวทย์มนตร์แห่งความแตกต่าง”

ด้วยเหตุนี้ เธอจึงบินขึ้นท้องฟ้า ทิ้งไว้เบื้องหลังมรดกที่จะก้องกังวานผ่านรุ่นสู่รุ่น เตือนใจแต่ละหัวใจว่าความหลากหลายทำให้โลกของเราร่ำรวยและสวยงามอย่างไร และนิทานของรูบี้ นางฟ้าสีสัน ก็ยังคงมีชีวิตอยู่ กระซิบผ่านใบไม้ของต้นไม้ในเมืองที่มีชีวิตชีวา ที่เธอรักตลอดไป

English 中文简体 中文繁體 Français Italiano 日本語 한국인 Polski Русский แบบไทย