กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในท้องฟ้าจักรวาลห่างไกล มีดาวน้อยชื่อริริ ริริเป็นดาวตัวเล็ก แต่เธอเปล่งประกายสว่างที่สุดในบรรดาดาวทั้งหมด ทุกคืนเธอระยิบระยับและกระพริบตาลงมายังโลกที่เธอรัก
“ฉันรูทุกสิ่งที่เกิดขึ้นบนโลก” เธอมักจะอวดอ้าง
“นั่นเพราะเธอไม่เคยออกจากที่ของเธอ” ดาวดวงอื่นพูดพร้อมเสียงหัวเราะ “เธอไม่รู้ว่าตัวเองกำลังเคลื่อนไหว ถามฉันสิ ให้ขึ้นหลังฉันและฉันจะแสดงสิ่งที่ยิ่งใหญ่ในท้องฟ้าให้เธอดูกัน”
พูดจบ ดาวอีกดวงหนึ่งชื่อซาซ่าได้เข้ามาใกล้ริริและขอให้เธึ้นหลังของเขา ริริกระโดดขึ้นไปบนซาซ่า ซึ่งเริ่มพุ่งผ่านอวกาศเร็วกว่าไฟฟ้าฟาด ฟ้าแลบ ยิ่งกว่านั้นซาซ่าทำให้ดาวน้อยๆ ด่างดินเหมือนเกล็ดหิมะ
ริริมองไปด้านข้างและเห็นว่าเธอจางลงเรื่อยๆ จนแทบไม่เห็นซาซ่าเพราะม่านคืนที่หนาขึ้นหนาเรื่อยๆ รอบๆ ตัวเธอ
“โอ้! ริริร้อง เรียกความกังวล “ฉันทำผิดที่ออกจากที่ของฉัน ซาซ่า หยุด ขอร้องเถอะ และพาฉันกลับบ้านก่อนที่จะสายเกินไป!”
แต่ซาซ่าอยู่ไกลเกินกว่าที่เสียงของเธอจะไปถึง และดาวน้อยก็พุ่งห่างออกไปจากบ้านของเธอ
ในที่สุดซาซ่าก็เลี้ยวขวาและพุ่งผ่านประตูทองของคืนกลับสู่ที่ของเขา ข้างๆ ทางช้างเผือกที่รอเขาพร้อมกับดาวของเธอ
ดาวน้อยมองไปรอบๆ ตัวเธอ กลางคืนมืดมิด และความมืดก็เข้าท่วมตัวเธอ แสงสว่างซึ่งเป็นเพื่อนเดียวของเธอได้ดับไปแล้ว เธอรู้สึกโดดเดี่ยว เศร้า และกลัว เธอหันไปทางเหนือและเริ่มร้องไห้ น้ำตาทั้งหมดของเธอกลายเป็นน้ำหยดเล็กๆ และตกลงไปที่ห่มของคืนแล้วสูญหายไป
ทันใดนั้นริริได้ยินเสียงหนึ่งใกล้ๆ มันก็ดูเหมือนจะมาจากนางฟ้าที่เปล่งประกายและมีความสุข “ดาวน้อย, นี่หมายความว่าอย่างไร?” เสียงนั้นพูด “เธอตกลงมาจากสวรรค์หรือ?”
“ไม่มีที่ไหนในนี้” ริริกล่าว “ในท้องฟ้าที่เศร้าโศกนี้คือที่ที่ฉันมีชีวิตอยู่? ฉันได้ทำอะไรถึงต้องร้องไห้บนผ้าคลุมของฉัน?” ถามนางฟ้าซึ่งเสียงของเธอดูเหมือนจะมาจากสี่มุมของสวรรค์
“ฉันผิดที่ออกจากที่ของฉัน” ริริตอบ “ฉันกลัวมากจนถึงตอนนี้ และฉันขอร้องซาซ่าให้พาฉันกลับบ้าน ความมืดมิด ร่างดำ และน่ากลัวของคืนนี้ถึงแม้ว่าจะเชยบอก แต่ก็เป็นที่เดียวที่ฉันรักและมีความสุข”
“หันไปยังอีกด้าน” นางฟ้ากล่าว “ที่ทางใต้ เธอจะเห็นอาณาจักรของอาเชอรอน อาณาจักรแห่งความมืด หากเดินตามทางที่ฉันจะแสดงให้เธอเห็น เธอจะพบกับเพื่อนๆ และดาวที่จะนำทางไปหาเธอ”
ท้ายคำพูดนางฟ้าก็ทะยานขึ้นเหมือนดอกไม้ในฤดูใบไม้ผลิที่สั่นเมื่อถูกลม
ทันใดนั้นริริคิดว่าเธอเห็นแสงระยิบระยับที่เส้นแห่งความมืดซึ่งเริ่มต้นอาณาจักรของอาเชอรอน แต่เมื่อผ่านไปอีกครู่ มันกลับเป็นเพียงหมอกที่ดึงเมฆรอบๆ ด้วยมือเล็กๆ สีดำและขาวของมัน เธอจะวิ่งไปทางน้ำนั้นและหินที่อันตรายไหม? น้ำกำลังมีพายุหนักขึ้นเรื่อยๆ และลมก็ร้องโหยหวนดังขึ้นเรื่อยๆ
ริริเดินทางไปได้สักพักและยืนอยู่ตรงหน้าปากแม่น้ำดำขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยฟันน่ากลัว ริริหยุดทันที
“ฉันไม่สามารถไปต่อได้” เธอกล่าว “ความมืดคือถนนของฉัน จะเกิดอะไรขึ้นกับฉัน?”
และเธอก็เริ่มร้องไห้ใหม่ และทันใดนั้นรู้สึกได้ถึงหยดน้ำเย็นบนร่างน้อยร้อนของเธอ น้ำตาของดาวหรือ? แม่น้ำได้เปิดปากและกำลังดื่มน้ำตาของดาวน้อย
“แม่น้ำใจร้าย” ริริพูดด้วยความไม่พอใจ “ทำไมไม่หาดาวดวงอื่นแล้วดื่มน้ำตาของเธอบ้าง? ทำไมต้องเป็นของฉัน?”
และเธอก็เดินทางต่อไป
อีกฝั่งของแม่น้ำดูเหมือนจะมีเมืองที่มีชีวิต เสียงไฟระยิบระยับสีแดง เหลือง และเขียวดูเหมือนจะเชิญชวนให้ดาวมาร่วมเฮฮากัน
ไฟส่วนใหญ่เมาและเต้นรำไปตามจังหวะเดียวกันเพื่อเป็นเกียรติแก่กษัตริย์ที่ครองอยู่ที่ปลายแถวของตำรวจที่เงียบสงัด ซึ่งคลุมด้วยไม้สนดำ ที่นี่คุณไม่สามารถได้ยินอะไรนอกจากเสียงดนตรี
ริริเป็นสมาชิกของตำรวจในจักรวาล สิ่งที่น่าสงสารเดินขึ้นไปหานายที่ดูเหมือนตุ๊กตาผีที่น่าสยดสยอง และดูเหมือนจะเป็นคนเลวมากกว่าประชาชนดีที่กำลังมาถึง “เธอมาอะไรที่นี่ แสงที่เปล่งประกาย?” เขาถามด้วยน้ำเสียงหยาบคาย
“ฉันกำลังตามหาเพื่อนของฉัน ดาวที่ได้หายไปเหมือนฉัน”
“มันเป็นหน้าที่ของกษัตริย์ในการนำพวกเขากลับไปยังสถานที่ที่พวกเขามาจาก ถ้าเขาคิดว่าพวกเขามีค่าแก่การกลับไป เขาจะให้พวกเขามีชีวิตและ เสื้อผ้าแห้ง“
“เขาจะให้เสื้อผ้าฉันเหมือนที่ฉันสวมอยู่ไหม” ดาวน้อยถามด้วยเสียงที่คุ้นเคย “วัสดุดาวหายากที่จะหามาได้ เราจะหามาพอทำให้มีเสื้อคลุมแค่หนึ่งชุด”
“มันเป็นความปรารถนาของเขาที่พวกเขาต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าของพวกเขาเมื่อมาถึงที่นี่ เพื่อให้เสื้อผ้าที่พวกเขาทิ้งไว้แห้งก่อนจะสวมใส่อีกครั้ง” นายพูดด้วยรอยยิ้มที่ไม่เป็นมิตร
นี่เป็นการพูดที่ขมขื่นสำหรับหนึ่งในหลานของคุณยายหิมะ
“ฉันดีใจที่ได้ฟังในสิ่งที่คุณบอกฉันเพื่อนรัก” ริริกล่าว
และนอนลงใกล้ๆ หูข้างขวาของเขา ขอให้เธออยู่ในขบวนของดาวที่กำลังค้นหาบัลลังก์งานศพของพวกเขา