ลำธารหัวเราะ

ในวันเก่ากาลครั้งหนึ่งมีลำธารชื่อว่าซิลลี่ มันมีฤดูใบไม้ผลิที่น่ารื่นรมย์ในชีวิต แต่ก็ทำให้ไม่มีความแตกต่าง ซิลลี่หัวเราะและหัวเราะอยู่เสมอ คุณเห็นไหม ว่ามันเป็นลำธารที่พิเศษ มันรู้จักทุกคนและรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับพวกเขา ดังนั้นมันจึงหัวเราะและพูดคุยตลอดทั้งวัน

ในวันเก่ากาลเช่นกัน ชาวเมืองสวมรองเท้าทำจากไม้ (ซึ่งมันก็เป็นรองเท้าที่น่าอัศจรรย์ในการเดิน!) ดังนั้นเสียงตึงตึงของรองเท้าทำจากไม้จึงดังบนสะพานที่ซิลลี่ไหลและพูดจาอยู่ งานนี้ซิลลี่จึงร้องว่า:

“หยุดเถอะ หยุดเถอะ! ฟังสิ่งที่ฉันร้อง!
เบาๆ เบาๆ เร็วๆ เข้าไว้,
ดอกไม้ฤดูร้อนที่ชวนให้สุขสันต์,
ไม่นานจะมาถึงฤดูหนาวที่หม่นหมอง!”

แต่ชาวเมืองได้ยินแต่เสียงตึงตึงของรองเท้าของพวกเขาเท่านั้น และพวกเขาก็ไม่ได้ยินซิลลี่

วันหนึ่งในฤดูใบไม้ผลิที่สวยงาม ชาวนาผู้เก่าแก่คนหนึ่งเดินทางเข้าเมืองเพื่อนำของสดเขามาตลาด เขานำตะกร้าขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยของสดอันแสนอร่อยและยังเติมให้เปลือกตะกร้าด้วยสายรัดสี่เส้นเพื่อปกป้องให้ตะกร้าปิดสนิท แล้วเขาก็ออกไปหาค่าบ๊วยเพื่อนำไปใส่ในตะกร้าบนสุด และไม่นานก็กลับมาพร้อมกับตะกร้านำช่ำขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยของเชอรี่สีดำสุก เขาใส่ตะกร้าของเชอรี่บนตะกร้าใหญ่อีกใบ โดยแค่วางไว้เบาๆ และผูกผ้าลินินรอบขอบ เพื่อไม่ให้ตะกร้าบนสุดหลุดตกไป

“ตอนนี้เส้นทางจะไปจากทางเดินที่ปูด้วยก้อนหินข้างลำธารซิลลี่ข้ามสะพาน แล้วต่อด้วยถนนฝุ่นที่ตรงไปบ้านของชาวบ้านที่เขาอาศัยอยู่ ถนนของฝุ่นทอดตัวอยู่ใกล้ลำธาร ในขณะที่สวนผลเชอรี่อยู่ฝั่งตรงข้าม ซิลลี่ก็ไหลไปมาอย่างมีชีวิตชีวาพร้อมขอบขนมปังที่เขียวขจี ไหลเข้า ออกไปทีนี้ทีนั้น และเดือดพล่านอย่างมีความสุขในแอ่งน้ำที่มีอาหาร

ฝุ่นของถนนมันร้อนเกินไปสำหรับชาวนา ผู้ที่นั่งพักเพื่อให้เท้าของเขาได้พัก แต่ตะกร้าหนักยังอยู่บนหลังของเขา และมันก็ไม่สามารถถูกถอดออกได้ มันช่างน่าสนุก เมื่อเขาหันหัวไปด้านขวามันจะทำให้หูของเขาแปลกๆ เหมือนมีนิ้วเล็กๆ มาสัมผัสเมื่ออยากจะพูดคุย หรือจะสื่อสารด้วยอารมณ์อันอบอุ่นไปยังเพื่อนบ้านของเรา

ชีวิตในเวลานั้นช่างเต็มไปด้วยคุณค่า! ไม่มีบ้านหลังใดที่ไม่มีเรื่องราวดีๆ สักเรื่อง ไม่ว่าชาวบ้านคนไหนก็รู้เรื่องราวสำหรับเด็กอย่างน้อยสี่เรื่อง ทำให้วิลเฮลม์ที่ขยันทำการพิมพ์เป็นอย่างมากถึงกับตกใจ

เรื่องทั้งหมดไม่น่าจะดีหากไม่อ่านบทนำเล็กๆ ก่อนว่า:

“ในยุคที่ดี ทุกคนมีภาษาของตน แต่ทุกคนก็พูดภาษาเทพนิยาย ซึ่งเป็นภาษาที่ใช้แต่งบทเพลงและเพลงพื้นบ้าน เหล่านิทานเก่าเหล่านี้เป็นภาษาโพรซาซึ่งไม่ให้มีการสัมผัส หรือแก้ไขให้มีจังหวะแต่อย่างใด ฉันบอกคุณเรื่องนี้ เพราะฉันไม่สามารถบอกมันมากเกินไปได้เพียงแต่เพลงนั้นจะต้องมีจังหวะ”

ฮานส์ถอนหายใจ เพราะเขาไม่รู้เรื่องราวสำหรับเด็กเลย

พวกเขาไปรับเส้นทางฝุ่นเมื่อเวลาผ่านไป และเดินข้ามไปยังถนนที่สีเขียว มีรั้วกั้นด้วยฟางและต้นข้าวที่เพิ่งถูกตัดออก พื้นที่ของชาวนาที่น่ารักเปิดออกสองข้าง มีต้นยาโอลด์แฟชั่นตั้งอยู่รอบๆ มีสัตว์กระต่ายสีขาวนวลที่น่ารักและแกะเดินไปมา ลูกสาวของชาวนาซึ่งจะมาซื้อเชอรี่ และชาวนาเพียงแค่ร้องเพลงให้กับเธอในความยินดีนั้น มายืนอยู่บนทางที่ปูด้วยก้อนหิน และเขาก็ไม่รู้ว่าเธอจะซื้อหรือไม่ก่อนที่เขาจะมาถึงประตูสวนเขียว ที่นั่นเขานั่งจนกว่าเธอจะมาถึง แต่ลำธารซิลลี่รู้สึกสนใจเขาจากช่องมองและทำให้เขาสงบเมื่ออยู่ในภวังค์ของเขา

ในไม่ช้า ฤดูใบไม้ผลิ ที่มักเข้ามาอย่างแสนมวยๆ กระตุ้นบนหมวกกันแดดของนกยูง โยนหยดน้ำฤดูใบไม้ผลิไปทั่วทรวงอกและต้นเชอรี่ คลุมตัวเองด้วยผ้าที่ทำจากไหมที่สะท้อนแสงระยิบระยับกับเสื้อคลุมสีเขียวอมเทาที่สวยงามและสร้างกล่องดนตรีเล็กๆ ให้แน่นอยู่กับต้นแถวของต้นมะ rowan, elder และhazel-nut ทั้งสองแถวของทุกสีเขียวและของที่ระลึกและสิ่งที่ซุกซน จนกระทั่งในขณะนั้นมันเริ่มสั่นไหวและกระโดดซิลลี่!

แต่ผู้คนกลับรู้สึกหวาดกลัวอยู่ในบรรยากาศที่ต่ำที่สุด พวกเขาคลานลงไปในห้องใต้ดินของโรงนา ลงไปในเจ็ดรังใหญ่ที่ว่างเปล่าในสวนและไม่รู้จะคิดอย่างไรกับทุกเรื่องนี้

ซิลลี่โยนตะกร้าสวนขนาดใหญ่ทั้งหมดเว้นแต่ของเธอทั้งหมดความลับอันแสนหวานของเด็กน้อยที่อยู่ในนั้น ที่ถูกทิ้งโดยเขตสวนกระจายไปทั่วและซิลลี่ได้เต้นรำทั้งคืนภายใต้แสงจันทร์ที่ถูกสะกดมน ใช่จริงๆ ผู้คนไม่สามารถพูดถึงยุคดีๆ ก่อนฤดูใบไม้ผลิ แต่ในที่นี้กลับรู้สึกผ่อนคลายกับการมองซิลลี่ เพื่อนบ้านทั้งหมดก็สวดมนต์ออกเสียงในที่สาธารณะ แม้ในที่แจ้งที่มีม้านั่งสามขา จากนั้นในคืนหนึ่งซิลลี่ได้ร้องเพลงอีกครั้งว่า:

“ฟังแล้วฟังอีก ผ้าไหมและซาติน
โอ เชิญมาเถอะ ปลาและผลไม้!
ที่นี่ขึ้นมาที่ลำธารได้นะ โอ เชิญมาที่นี่!
ใต้รากต้นไม้ที่สวยที่สุด,
มีต้นไม้ซึ่งมีเปลือกไม้และ
เหรียญทองแดงตามถนน โอ,
เชอรี่อันสวยที่สุดรออยู่!”

เช้าวันนั้นมีบทกวีแปลกๆ เกิดขึ้นเมื่อชาวเมืองกลับมาครั้งใหม่ ทุกสิ่ง ทุกการกระทำเล็กน้อย สำหรับเด็กที่ขี้สงสัยกลายเป็นความบาปไม่สามารถแก้ไขได้ ขอขอบคุณพวกเขาที่รู้สึกถึงคำพูด “ซิลลี่” ตู้นอกจากนี้ยังขาวเหมือนดอกลิลลี่ ทุกอย่างน้อยใหญ่, barrel, hats และอีกมากมายที่เติบโตฟักอยู่บนต้นไม้และพุ่มไม้รวมทั้งมีเตียงขนาดใหญ่ของมัน ซึ่งคุณรักมันและนกยูงพวกนั้นและสาวๆ ที่นั่งอยู่ในอ้อมแขนของถนนธรรมชาติ เหมือนกับก้อนหินที่แยกออกจากเกาะปะการัง

แต่ฟิลลี่รีบเร่งเข้าสู่คอรัสแห่งความเติบโต จนถึงตอนนี้มันได้กลายเป็นมหาสมุทรแห่งความเติบโต

ใช่แล้ว “อيويةและการมีอยู่” คิวจะแปลกๆ เกิดขึ้นในแปลงเกลือที่ไปมีการรักษาอาการหลายแบบขัดและเสียงนกทูบ หญิงสาวองค์จึงบรรทุกชีวิตแล้วเกินไป เพื่อบรรเทาจิตใจขอพวกเขา

เพื่อให้ได้ยินและแพร่กระจายกลางอากาศ ให้ฉันบอกว่า: ว่าผมมีความสำคัญกันมากขึ้น!

ในหมู่ผู้สอน พวก เด็กเล็กๆ ทั้งหลายมีส่วนร่วมถือสายยันกล้วยกันอย่างน้อย ซี อาจารย์ปล่อยบ่วงไป เป็นสิ่งที่ฟังได้อาจไม่มีวิธีการ

ซิลลี่มีอันต้องเชื่อในเสียงอยู่ สงัดรายการ ยังกับแข่งขันเรื่องดีๆ

ใช้อภิปรายในจังหวะเสียงอย่างเท่าเทียมกัน ทุกที่ที่คุณมิ้มเวลาหรือย่อหน้า จะก่อให้เกิดเสียงบ้วนลักษณะอาการเช่น เนื้อผงเหลืองๆ ขึ้โล้ ไม่มีอันใดเข้ามาหาอย่างร้ายแรง

และถึงแม้ซิลลี่จะตายลงและกลายเป็นคืนทุกเช้า ตกทอยของการผุ่มพิสุทธิ์ และอยู่รวมกันแบบเรื่อย ทั้งหมดคำที่บังเกิดอยู่ในความเชื่อของความสมจริง

ชาวบ้านในวันเวลาอันยาวนานก็ประจักษ์ และถึงแม้พวกเขาจะเป็นชาวนาในพฤติกรรมตน

แต่ซิลลี่กับเขานั้นอาจได้กลายเป็นนางมณีตาตะเกียงที่ดูสุกๆ เสร็จซ้ำๆ

เส้นมีอยู่หมดทุกอย่างเสร็จแล้วตันทั่วยังงี้ บ้าง หรือจะแย่อยู่ ก็ได้ หากทุกคนแปรผัน ทุกคนก็แปรผันกันไป

และนั่นคือจุดจบของเรื่องเล่า พีเตอร์ก็มั่งมีมากกว่าที่เขารู้

English 中文简体 中文繁體 Français Italiano 日本語 한국인 Polski Русский แบบไทย