ในทุ่งหญ้าสวยงามที่ใบไม้เต้นรำและดอกไม้โอนเอนตามจังหวะของลมแห่งความอบอุ่น ฉันคือเมโลดี้ ดอกไม้ที่ไม่เหมือนใคร ขณะที่ดอกไม้ส่วนใหญ่พบความสงบในความเงียบ ฉันเก็บความลับไว้—ฉันอยากร้องเพลง pétales ของฉันสว่างสดใสและมีสีสัน สั่นไหวด้วยความปรารถนาที่จะนำเสนอเพลงของฉัน แต่ใจของฉันมักเต็มไปด้วยความกังวล “ใครจะฟังดอกไม้ตัวเล็กๆ อย่างฉัน?”
ฤดูใบไม้ผลิห่มโลกด้วยอ้อมกอดอันอบอุ่น และฉันหวังว่าสักวันใครสักคนที่พิเศษจะได้ยินเสียงเพลงของฉัน วันเวลาผ่านไปจนถึงเช้าหนึ่งเมื่อดวงอาทิตย์เริ่มโปรยแสงลงมาทั่วทุ่ง หญิงสาวตัวน้อยคนหนึ่งผจญภัยในโลกของฉัน เสียงหัวเราะของเธอกระจายไปรอบๆ ขณะที่เธอข้ามผ่านเพื่อนดอกไม้สีสันสดใสของฉัน เธอหยุดลง ตาของเธอประกายเหมือนน้ำค้างในยามเช้า
“สวัสดี ดอกไม้ตัวน้อย” เธอตอบรับ ฉันรูดกลีบดอกของฉันเข้าไปหาเธออย่างกระตือรือร้น และไม่ทันรู้ตัว ฉันกำลังร้อง—ไม่, ฉันร้องจริงๆ! เสียงของฉันไหลเหมือนลำธารเล็กๆ แสบซ่าและสดใส ในตอนแรก ฉันสังเกตเห็นความแปลกใจของเธอ ตาของเธอโตขึ้นอย่างตื่นเต้น จากนั้นความสุขก็เปล่งปลั่งออกมาเมื่อเธอหมุนตัวอย่างมีความสุข
“โอ้ ฟังดูสิ! ดอกไม้ที่ร้องเพลง!” เธออุทาน ความสุขของเธอหลอมรวมเข้ากับเสียงเพลงของฉัน หัวใจของฉันเบ่งบาน พร้อมด้วยการปรากฏตัวของเธอ ฉันรู้สึกมีชีวิตชีวาและสมบูรณ์ ทุกเช้าหลังจากนั้น เธอกลับมาหาฉัน หัวเราะ เต้นรำ และร้องเพลงด้วยกัน เรากระจายความสุขร่วมกัน เด็กๆ จากหมู่บ้านใกล้เคียงวิ่งเข้ามายังทุ่งหญ้า เสียงหัวเราะของพวกเขาร่วมกันกับเพลงของเรา สร้างความสุขให้กับโลกทั้งใบ
“เสียงของเธอเหมือนแสงอาทิตย์” หญิงสาวกล่าวด้วยเสียงหวานในวันหนึ่ง “เธอต้องร้องเสมอ!” แต่ฉันกลับกังวลว่า “ถ้าเธอยุ่งเกินไปที่จะมาเยี่ยม? ถ้าครอบครัวของเธอย้ายไปไกล?”
“นั่นไม่มีทางเกิดขึ้น” เธอยืนยัน “เธอคือเพื่อนที่ดีที่สุดของฉัน” ฉันชื่นชมเธอมาก! ความบริสุทธิ์และความรักของเธอห่อหุ้มกลีบดอกของฉันเหมือนอ้อมกอดอันอบอุ่นทำให้ฉันมีความสุข แม้แต่เมื่อเมฆฝนเข้ามาและวันเทาๆ ก็มาถึง ฉันยังพบความสงบในความรักที่เธอมีอย่างลึกซึ้ง
วันหนึ่งที่โชคชะตา มีก้อนเมฆดำบดบังดวงอาทิตย์ และลมคำรามเหมือนสัตว์ที่ได้รับบาดเจ็บ ฉันสั่นสะท้านด้วยความกลัว จำได้ว่าเมื่อฤดูใบไม้ผลิที่แล้ว เพื่อนหลายคนของฉันถูกถอนรากถอนโคนและพาไปไกล ฉันอยากร้องเพลงเพื่อเตือนพวกเขา แต่ในใจฉันกลัวว่ามันเป็นไปไม่ได้ ตอนนี้ฉันอาจจะถูกพัดพาไประหว่างพายุที่ร้ายแรงนี้ มองดูอย่างโ desperate เมื่อพายุถึงจุดสูงสุด ฉันจึงร้องด้วยสุดแรงกาย
หญิงสาววิ่งมาหาฉัน ผมทองของเธอปลิวไปตามลมราวกับธงแห่งความซื่อสัตย์ “เมโลดี้ อย่ากังวล ฉันอยู่ที่นี่!” เธอร้องขณะเก็บก้อนหินและกิ่งไม้เพื่อสร้างกำแพงป้องกันรอบตัวฉัน ความใจดีของเธอฝ่าเสียงของพายุได้。
แม้เธอจะกล้าหาญ คลื่นน้ำก็โยนเราไปมา และจู่ๆ โลกก็มืดสนิท ฉันตื่นขึ้นมาอีกครั้งในหลายวันต่อมา แต่ตอนนี้มันต่างไป เมื่อมองไปรอบๆ ฉันไม่มีเธอ “เธออยู่ไหน?” ฉันเรียกหาลม น้ำตาเต็มกลีบดอกของฉัน
วันผ่านไปเป็นเดือนๆ ในความเศร้าโศก ทุกสิ่งเล็กน้อยที่เคยให้กำลังใจฉันกลับกลายเป็นความทรงจำที่สร้างความรู้สึกว้าเหว่ ฉันคิดถึงหญิงสาวตัวน้อย เสียงหัวเราะและเพลงของเรา แต่มีสิ่งหนึ่งที่การขาดหายไปของเธอไม่สามารถทำลายได้—เสียงของฉัน เธอเคยพูดว่า “เธอต้องร้องเสมอ” ดังนั้นฉันจึงทำ ฉันร้องให้กับดวงอาทิตย์ยามเช้า สำหรับย่ำค่ำอ่อนโยน สำหรับนกที่ล้อมรอบฉันอีกครั้ง ในไม่ช้า เสียงของฉันก็ไปถึงหมู่บ้านที่อยู่ไกลออกไป
กลุ่มเด็กๆ วิ่งกลับมายังทุ่งหญ้า สงสัยเกี่ยวกับดอกไม้ที่ร้องเพลงเดี่ยวๆ เพื่อนใหม่พันกันและเต้นรอบๆ ฉัน แต่หัวใจของฉันยังคงหนักหน่วง บทเพลงของฉันดังก้องไปตามฤดูกาล แต่ละโน้ตเต็มไปด้วยความปรารถนาและความรักสำหรับหญิงสาวที่เชื่อในตัวฉัน
จนวันหนึ่ง เสียงหัวเราะที่แสนคุ้นเคยเจาะลึกผ่านบทเพลงของฉัน “สวัสดี ดอกไม้ตัวน้อย” เธอตอบรับ กลีบดอกของฉันสั่นเทาในความไม่เชื่อ อีกครั้งหนึ่ง เธอยังคงอยู่กับฉัน! เราร้องเพลงที่ไพเราะที่สุดที่แม้แต่ดาวยังโน้มตัวเข้าใกล้เพื่อฟัง หัวใจของเธอเติบโต และรูปร่างของเธอสูงขึ้นกอดรับชีวิตกับทุกการผจญภัย แต่มีสิ่งหนึ่งที่เป็นจริงในตัวเรา—ความสัมพันธ์ที่ไม่สามารถทำลายได้
“ดังนั้น เธอจึงร้องเสมอ” เธอยิ้มขณะลูบกลีบดอกของฉัน
“ใช่” ฉันตอบด้วยความสุข “และมิตรภาพของเธอคือเวทมนตร์”
เราร้องเพลงด้วยความสามัคคี ดอกไม้และเด็กหญิง คำพูดไม่สามารถบรรยายถึงความรักที่บานสะพรั่งระหว่างเราได้ เสียงหัวเราะของเรารวมตัวกับเพลงของฉันในลมอ่อนโยน หมุนวนและผสมผสาน อบอวลอยู่ในทำนองของฤดูใบไม้ผลิจนกระทั่งตลอดไป