ในหมู่บ้านแห่งหนึ่งมีเกษตรกรชื่อทอม ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องหัวใจอันดีงามของเขา ทุกครั้งที่มีคนยากจนปรากฏตัว แม้ว่าจะเป็นคนแปลกหน้าก็ตาม ทอมจะได้รับรู้เรื่องราวของเขาและจะพยายามช่วยเหลือในช่วงเวลาทุกข์ยากเสมอ
ในฤดูหนาวปีหนึ่ง จู่ๆ ก็เกิดเรื่องร้ายมากมายกับเพื่อนบ้านของเขา ครอบครัวหนึ่งที่อยู่ข้างๆ ป่วยเป็นไข้ และทอมพยายามทำดีที่สุดในการดูแลพวกเขา แต่เขาต้องเห็นวัวของเขาตายด้วยความหิวโหย เพราะเขาไม่สามารถหาหญ้าสำหรับมันได้ จากนั้นอยู่ข้างๆ ของเขามีคุณลุงทิลี่ ซึ่งประสบอุบัติเหตุขาหักจากการตกจากม้าในวันถัดไปนับจากที่เพื่อนบ้านเขาป่วยไข้ แล้วพ่อของครอบครัวนี้ก็เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงที่ทำให้เขาต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลในช่วงเวลาเดียวกับที่ภรรยาของเขาได้คลอดบุตรคนที่เจ็ด
“น่าเสียดายจริงๆ” ทอมพูดกับภรรยาของเขาขณะที่นั่งดื่มกาแฟในช่วงเย็นหลังจากทำงานหนัก “ทำไมเรื่องร้ายถึงเกิดขึ้นพร้อมกัน! คุณเคยสังเกตไหม?”
“ใช่” ภรรยาของเขาตอบซึ่งคิดมากในคืนนั้น “แต่ถ้าหากคนหลายคนมีปัญหา ทำไมคุณถึงเป็นคนเดียวที่ไม่มีวัว ไม่มีม้าตาก หรือใครมาช่วยคุณ? คุณทำงานคนเดียวได้อย่างไร?”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ทอมก็คิดอยู่เงียบๆ เพราะมันเป็นความจริง การทำงานของเขาหนักเกินไปสำหรับคนๆ เดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับครอบครัวที่ใหญ่โตเช่นของเขา เขาไม่เคยเรียกร้องให้ใครมาช่วยเขาช่วงงานที่บ้าน และเขายินดีที่จะมีคนมาช่วยในยามเช้า แต่ทีละน้อยทุกคนก็ไม่ได้มาที่นี่ เพราะทุกคนต้องทำงานช่วยเหลือกันอยู่ในหมู่บ้านแถบนี้ จนทำให้ทุกคนหันหลังให้เขา
ภรรยาของเขาเป็นผู้หญิงที่ดีมาก แต่ในเย็นวันนั้น เธอรู้สึกไม่ค่อยมีอารมณ์ดีนัก
ทอมพยายามทำให้เธอมีจิตใจที่สดใส และแสร้งทำเป็นยิ้มระหว่างช่วงเวลา แต่เขาพบว่ามันยากมาก
“และนอกจากนี้” เขาพูดกับตัวเองในตอนเย็น “ถ้าผมเชิญคนมาช่วย พวกเขาคงจะต้องทำงานน้อยลงต่อตนเอง และทุกคนเองมีเรื่องมากมายต้องคิด และถูกบีบคั้นมาก จึงไม่รู้ว่าผมจะกล้าเชิญพวกเขาได้อย่างไร”
ดังนั้นเขาจึงดื่มกาแฟอีกหนึ่งถ้วย จากนั้นทั้งคู่ก็เข้านอนและหลับไปโดยหวังว่าจะมีความคิดที่ดีขึ้นในตอนเช้า แต่กลับไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น
เขาได้ยินเสียงระฆังของโบสถ์ดังเรียกผู้คนมาสวดมนต์เวลาสิบเอ็ดโมง แต่การสวดมนต์ก็มีเพียงเพื่อเพื่อนบ้านของเขา ผู้ที่มีสภาพป่วยไข้ซึ่งดูเหมือนจะไม่ดีขึ้นแต่อย่างใด เขาจึงต้องช่วยพวกเขาทุกอย่างที่ทำได้ ซึ่งทำให้การทำงานของเขาลำบากยิ่งขึ้น จากนั้นเขาก็ต้องออกไปทำงานในทุ่งตั้งแต่ยามเช้า หลังจากต้องเดินไปเดินมาหาอาหารให้ม้า จนการทำงานก็ยังคงเรื่อยไปตามวิถีทางที่ยากลำบาก
ประมาณสามสัปดาห์หลังจากที่เขาทำงานหนักกลับบ้าน เขาได้พบกับกลุ่มคนจากหมู่บ้านที่ขอให้เขาในฐานะที่เป็นคนที่เหมาะสมที่สุดในหมู่บ้านและในขณะที่ปราศจากบาทหลวง ให้เขาเป็นผู้ดูแลทุกอย่าง เพราะทุกคนในชุมชนยินดีจะช่วยเหลือทุกอย่างที่เขาทำได้
“ผมจะทำได้อย่างไรโดยไม่มีใครช่วย?” ทอมพูดด้วยความกลัวที่จะให้ความหวังกับตัวเอง “ผมไม่สามารถส่งคนไปหาหมอได้ เพราะผมไม่มีม้า คนในครอบครัวของผมตอนนี้ก็ไม่เหมือนเดิมแล้ว”
แต่เขาไม่นานก็พบว่าคนในชุมชนมีเงินที่จัดทำขึ้นจากการบริจาคของผู้ป่วย ซึ่งช่วยกันระดมได้ประมาณสามร้อยปอนด์
“เป็นไปได้หรือ?” เขาร้อง อาจสรุปเงินจำนวนเท่านี้ได้อย่างไร? “โอ้ มันง่ายมาก คนที่สามารถบริจาคได้ก็ได้ให้เงินซึ่งต้องบอกให้ทุกคนรู้ บางครั้งมันก็จริงว่าผู้คนทำให้เรามีปัญหาน้อยที่สุดเมื่อเทียบกับคนที่เราไม่รู้จัก แต่ดีกว่าหากเงินจะไปอยู่ที่คนคนเดียวแล้วยุติแค่นั้น มากกว่าที่จะไปให้คนยี่สิบสิบเพนนีเหมือนที่ทำกันในครั้งแรก นอกจากนี้ไม่มีใครคิดจริงๆ สิ แต่อะไรจะดีที่สุดกับเงินทั้งหมดนี้ล่ะ?”
จากนั้นทอมก็กระปรี้กระเปร่าขึ้น ทุกสิ่งที่ตามมาล้วนทำไปโดยไม่ต้องพูดคุยกัน ทุกครอบครัว ไม่ว่าจะมีอายุมากหรืออายุน้อย ไม่ว่าจะอยู่ในความต้องการหรือมีสุขภาพดี ได้อย่างรวดเร็วรวบรวมข้อมูลที่จำเป็นและวิ่งไปที่ฟาร์มของตนที่นี่เพื่อรวบรวมทุกคน ในที่สุด ก่อนจะถึงค่ำ พวกเขาก็สามารถรวบรวมเงินทั้งหมดที่เพียงพอเพื่อป้องกันคนจากการอดอยาก ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่น่าอับอายที่ผู้ชายจะคิดถึง