กาลครั้งหนึ่งในอาณาจักรโบราณซึ่งมีเวทมนตร์ไหลเวียนอยู่ในเนื้อผ้าของโลก มีเด็กสาวชื่อว่าเอลล่า เธอเป็นที่รู้จักในหมู่บ้านของเธอในเรื่องความกล้าหาญและความเมตตา ซึ่งเป็นคุณลักษณะที่พ่อแม่ของเธอได้ปลูกฝังให้เธอ ตั้งแต่ยังเล็กพวกเขาได้สอนเธอให้ช่วยเหลือผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นการดูแลคนป่วยหรือการช่วยนำทางนักเดินทางที่หลงทาง แต่มีภาระหนักที่กดดันหัวใจที่อ่อนโยนของเธอ
หมู่บ้านของเธอตกอยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก ที่ดินที่เคยอุดมสมบูรณ์รอบๆ กลับถูกสาปแช่ง ทำให้ผลผลิตล้มเหลวและแม่น้ำที่เคยให้ปลากับน้ำสะอาดกลับแห้งขอด ชาวบ้านที่สิ้นหวังส่งข่าวไปยังเมืองใกล้เคียง เพื่อขอความช่วยเหลือ แต่เสียงร้องของพวกเขากลับถูกมองข้าม มีข่าวลือกระซิบผ่านสายลมเกี่ยวกับมังกรโบราณและสมบัติที่ซ่อนอยู่ ซึ่งมีพลังที่จะฟื้นฟูแผ่นดิน แต่มันถูกซ่อนอยู่ไกลในถ้ำที่มืดมน
วันหนึ่งในช่วงบ่ายที่โชคร้าย ขณะที่เอลล่าเดินเล่นในทุ่งนาแห้งแล้ง เธอได้พบกับหญิงชราผู้มีปัญญา ผมยุ่งเหยิงและผิวหนังเหี่ยวย่นคล้ายต้นไม้เก่าแก่ หญิงนั้นมีตาที่เปล่งประกายราวกับดวงดาวในยามค่ำคืน และมีความลึกลับที่หุ้มรอบตัวเธอ
“เด็กแห่งความกล้าหาญ” เธอพูดเสียงแหบ “การช่วยหมู่บ้านอยู่ในตัวเจ้า เจ้าต้องหาสมบัติของมังกร นี่คือความหวังเดียวที่เหลืออยู่สำหรับผู้คนของเจ้า”
“แต่ฉันเป็นแค่เด็กสาวธรรมดา” เอลล่าตอบโต้ “ฉันจะทำอะไรได้กับมังกรผู้ดุร้าย?”
เอลล่าลังเลใจ หัวใจของเธอเต้นรัวในอก เธอมองกลับไปที่หมู่บ้าน ใบหน้าของเพื่อนๆ ปรากฏขึ้นต่อหน้าเธอเต็มไปด้วยความหวังและความคาดหวัง และเธอจึงตั้งมั่นใจในตัวเอง “ฉันจะไป” เธอกล่าว “เพื่อประชาชนของฉัน ฉันจะเผชิญหน้ากับมังกร”
หญิงชรายิ้มอย่างอ่อนโยน “จงรับเสื้อคลุมนี้” เธอกล่าว พร้อมส่งเสื้อคลุมที่ระยิบระยับที่ทำจากเกล็ดสีรุ้งให้เอลล่า “แล้วจับโคมไฟนี้ใกล้หัวใจของเจ้า มันจะนำทางให้เจ้า”
ด้วยความกล้าที่ลุกโชนอยู่ในหัวใจ เอลล่าซุกโคมไฟไว้ในกระเป๋า ดึงเสื้อคลุมที่มีเวทมนตร์คลุมไหล่ และมุ่งหน้าไปยังภูเขาซึ่งสมบัติของมังกรถูกฝังลึกอยู่ภายในถ้ำ
ระหว่างที่เอลล่าเดินผ่านป่าที่มีมนต์ขลังซึ่งต้นไม้พูดคุยกันและมีน้ำหวานสีทองไหลออกมา เธอต้องเผชิญกับความท้าทายมากมาย ฟิกเจอร์แสนซุกซนเล่นตลกกับเธอ หมาป่าเวทมนตร์ขวางทางเธอ และพายุที่เกิดขึ้นกะทันหันพยายามทำให้เธอหลงทาง แต่ด้วยปัญญาที่ได้รับการปลูกฝังในตัวเธอและจิตใจที่ไม่ยอมแพ้ เธอจึงเอาชนะความท้าทายทุกอย่างได้
เมื่อรุ่งอรุณในวันที่เจ็ดของการเดินทาง เอลล่ายืนอยู่หน้าปากถ้ำของมังกร ด้วยหัวใจที่เต้นรัวและความตั้งใจที่ไม่ย่อท้อ เธอเดินเข้าไปในถ้ำ ผนังมีประกายจากอัญมณีที่ฝังอยู่ในหิน เธอถือโคมไฟไว้ข้างหน้า ขณะที่มันให้แสงอบอุ่นขึ้นในความมืด
ถ้ำบิดเบี้ยวและพับตัว อากาศหนาทึบด้วยเวทมนตร์โบราณ จนสุดท้ายเธอก้าวเข้าสู่ห้องกว้างใหญ่ที่ทำให้เธอหายใจไม่ออก ที่นั่น มังกรซึ่งพันอยู่รอบกองทองและอัญมณีต่างๆ นอนอยู่ เกล็ดสีเขียวมรกตเปล่งประกายอยู่ในแสงของโคมไฟ และตาของมันที่ลึกดำคล้ายหินดำค่อยๆ เปิดขึ้น สังเกตเธอด้วยความสงสัย
“ใครกล้ามารบกวนการนอนของข้า?” มังกรคำราม ควันที่พวยพุ่งจากนอสของมัน
ด้วยความกล้าที่เพิ่มพูนอยู่ภายใน เอลล่าสั่งสติตัวเองและก้าวไปข้างหน้า ยกโคมไฟสูง “ฉันคือเอลล่าจากหมู่บ้านข้างล่าง เราต้องการสมบัติของท่านเพื่อฟื้นฟูแผ่นดินของเรา ขอท่านแบ่งปันความมั่งคั่งของท่านเพื่อให้ผู้คนของฉันมีชีวิตอยู่ได้”
เสียงหัวเราะของมังกรก้องมาจากภายในถ้ำราวกับฟ้าผ่า “เจ้าคิดว่าจะเอาจากข้าโดยไม่ต้องจ่ายอะไร? เจ้ามีอะไรที่จะเสนอที่มีค่าเพียงพอกับความมั่งคั่งของข้า?”
“ข้าขอเสนอหัวใจของข้า” เอลล่าตอบอย่างกล้าหาญ “ความรักและความกตัญญูจากผู้คนของข้า หากท่านเลือกที่จะช่วยเรา”
มังกรตั้งใจมองเธอ ใบหน้าของมันดูทะลุผ่านความรู้สึกของเธอ หลังจากเวลาผ่านไปนานที่เหมือนเป็นนิรันดร์ มันพยักหน้าอย่างช้าๆ “ยอมรับเถอะ เด็กแห่งความกล้าหาญ เจ้าสามารถนำไปในสิ่งที่เจ้าต้องการ แต่จงรู้ไว้ว่าสมบัติที่เก็บไว้ทำให้เกิดเพียงความเศร้า Share it wisely and it will flourish.”
เอลล่ายิ้มจากหูถึงหูด้วยความดีใจ เธอเก็บอัญมณีและเหรียญทองเท่าที่จะไหวและมุ่งหน้าเดินทางกลับลงจากภูเขา โคมไฟสว่างขึ้นกว่าที่เคย
เมื่อเอลล่าเข้าใกล้หมู่บ้าน แสงแรกของรุ่งอรุณทำให้ท้องฟ้าเป็นสีส้มและชมพู เธอพบกับใบหน้าที่หมดหวัง แต่ตอนนี้พวกเขากลับพบเห็นเอลล่า วีรสตรีผู้กล้าหาญที่นำของขวัญจากมังกรเองมาให้
ใต้ต้นโอ๊คเก่าแก่ที่อยู่กลางหมู่บ้าน เอลล่ากางทองและอัญมณีออกจัดการ ทุกคนร่วมมือกันสร้างบ้านใหม่ ปลูกพืชผลใหม่ และซ่อมแซมบ่อที่แห้งแล้ง แผ่นดินก็ฟื้นคืนต่อความอบอุ่นของความกตัญญู แม่น้ำไหลกลับมาอีกครั้ง และดอกไม้บานสะพรั่งในสีสันอันสดใส
หลายปีต่อมา ขณะที่เป็นหญิงชรา เอลล่ามักเล่าเรื่องผจญภัยของเธอให้เด็กๆ ฟังโดยมีแสงไฟอยู่รอบตัว เธอยิ้มและเตือนพวกเขา “ความกล้าหาญไม่ใช่การไม่มีความกลัว แต่เป็นการยืนหยัดเผชิญหน้ากับมันเพื่อคนที่เรารัก” หมู่บ้านนั้นรู้สึกขอบคุณตลอดไป เพราะสมบัติของมังกรได้เปลี่ยนชะตาชีวิตของพวกเขาโดยแท้จริง