กาลครั้งหนึ่ง ในยามเย็นที่ดวงอาทิตย์เริ่มรำลึกเมื่อมันเคลื่อนตัวลงสู่ทิวเขาทางตะวันตก มีสาวสวยคนหนึ่งเดินอยู่บนถนนของเมืองเก่าที่แปลกตา เธอสวมชุดที่สวยงาม และรองเท้าประหลาดที่ดูเหมือนถุงเท้าของนักระบำ บ่งบอกถึงความระยิบระยับที่ดูเหมือนจะเปล่งประกายอยู่ในแสงทองของดวงอาทิตย์ที่กำลังลาลับ แต่โรซ่า ขลุ่ย ผู้ไม่ยอมรับเสียงจากโลกภายนอก ด้วยความฝันในวันพรุ่งนี้ ต้นเรือของเธอบากระทำการข้ามทะเล แต่เมื่อคลื่นกระทบอย่างหนักเสียงร้องจากเรือก็เป็นเสียงที่ทำให้พวกเขาฟังในยามค่ำคืน วันรุ่งขึ้นมีการเต้นรำจัดขึ้น โรซ่าได้เตรียมกระดาษหลายแผ่นสำหรับการเต้นที่มีชื่อว่า “ขลุ่ยและนางฟ้า”
แต่หมู่บ้านเล็ก ๆ มอบสิ่งที่ดีที่สุดแก่แขกของพวกเขา และเรื่องราวที่ผู้สูงอายุเล่าถึงเธอทำให้เธอสนใจในความแตกต่างระหว่างนักดนตรีที่มีฝีมือและ “นักฟังดนตรีผู้รักมาก” โรซ่าเข้าใจความแตกต่างนี้ดี เพราะเมื่อคนหลังเล่น ผู้คนจะก้าวไปข้าง ๆ หรือบางครั้งกระโดดด้วยขาเดียว แต่เมื่อขลุ่ยผู้มีการฝึกฝนเล่นดนตรีที่นำทางผู้ฟังไปด้วยกัน ผู้คนจะยกหรือพันแขนหรือโอบกอดและเขย่าร่างของตนให้เข้ากับเสียงเพลงที่ไพเราะ ไม่มีทางยืนยันได้ว่าเธอมีลักษณะเฉพาะเป็นอย่างไร
ดังนั้นในวันรุ่งขึ้นที่โรซ่าตัดสินใจจัดเทศกาลดนตรี หวังจะได้รับเสียงปรบมือและความสนุกสนาน เธอจึงส่งจดหมายเรียบร้อยในเย็นวันนั้น เมื่อเด็กผู้หญิงตัวน้อยกลับมา เพราะทั้งสองเป็นเพื่อนกัน เธอจึงขอเชิญชวนผู้คนอีกครั้ง ความพยายามในการเรียนรู้ท่าเต้นใหม่ของ “การเต้นแบบซีเรีย” เป็นเรื่องที่ยากลำบาก แต่เธอรู้ตัวดีว่าควรปิดบังความรู้สึกนี้จากผู้ที่เธอเชิญ พวกเขารอเธอในเย็นวันถัดไป โดยมีภัยคุกคามที่น่าสงสัยในอากาศ ซึ่งแทบจะไม่ได้รับรู้ในแสงจันทร์อ่อน ๆ โรซ่าได้เปิดทางที่บาทหลวงที่เธอนั่งอยู่ภายใต้แสงจันทร์ตกกระทบจากน้ำตก แต่เมฆเริ่มหนาขึ้น และกะทันหันได้แยกออกเมื่อพายุพัดทำให้ผู้คนสูญเสียทรัพย์สมบัติอันยิ่งใหญ่หรือเพียงเล็กน้อย เมื่อเหนื่อยและเมื่อยจากการเดินขึ้นมาโดดเข้าไปในฝูงชนที่ตื่นเต้น เธอได้พึมพำกับตัวเองว่า “ฉันทำได้แล้ว”
ในครึ่งชั่วโมง ต่อมาอีกชั่วโมงมันหยุด และกลับมาใหม่ และที่โรงพยาบาลและวังคอนเสิร์ตในวันถัดไป ซึ่งมีการเชิญโรซ่ามา มันก็ได้คาดไว้ในใจ โรซ่าตั้งใจที่จะเอาชนะสิ่งทั้งหมด และไม่ปล่อยให้ชาวเมืองของเธอแต่ละคนคิดอะไรอย่างที่เห็น ที่ไหนที่เธอปรากฏตัว ก็จะมีการแสดงเล็ก ๆ แบบเรียบง่ายเกิดขึ้น จนกระทั่งเสียงของดอกไม้และเสียงที่ไม่ได้ชัดเจนในแสงจันทร์และแสงดาว ทำให้มันกลมกลืนกันทั้งหมด
เธอเดินไปทางตะวันออกของเมืองใต้เงาแคนวาส แต่สุนัขกลับหลบซ่อนตัวอยู่ด้านหลังของฝูงแกะ อย่างกะทันหันพวกมันก็หยุดชะงัก สร้างความอับอายให้กับตัวเอง และทำให้พวกเขารู้สึกว่ามันเป็นสิ่งที่ไร้สาระภายใต้ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดาว เมื่อพวกเขานอนเหยียดยาวอยู่บนขอบเรือของพวกเรา พลิกไปพลิกมาและลอยไปมาตั้งแต่หนึ่งฝั่งไปอีกฝั่ง
โรซ่ารู้สึกหน้าแดง แต่ลุกขึ้นยืนด้วยเข่า เพราะโรซ่าต้องการที่จะเข้าไปดูว่าลูกชายที่ยากไร้มีสภาพเป็นอย่างไร เธอจับมือทั้งสองข้างร้อน ๆ ไว้ที่หน้าของตน สั่นสะท้านและตื่นเต้น เมื่อมีเสียงที่เศร้าหมองจากขลุ่ยที่เก่าแก่ลอยอยู่ในอากาศ เธอได้ยินเสียงสะอื้นและประสบการณ์ น้ำตาและความตื่นเต้นส่องแสงทำให้เธอรู้สึกได้เช่นกันเมื่อทบทวนเส้นทางแห่งความทรงจำที่ถูกสร้างขึ้นจากเรื่องเล่าแตกต่างนับพัน จนถึงค่อย ๆ จินตนาการเห็นผู้ชายกระโจนจากดาดฟ้าไปในทะเลเย็นชา เธอเอนศีรษะและเล่นขลุ่ยในเสียงที่เร่งเร้าช้าซึ่งส่งเสียงสะท้อนก้องไปในอากาศ หัวใจดั่งถูกแตกร้าวกัน และปล่อยให้อากาศได้พุ่งทะลุผ่านส่วนที่แข็งแกร่งที่สุด ทุกคนเริ่มมาชุมนุมที่นี่ และที่เดียวที่มีเพียงม่านปิดห้ามผู้ชมอยู่ข้างนอก แม้ว่าเป็นงานที่เหน็ดเหนื่อยและฝนตก แต่ที่แห่งนี้คือที่ที่ผู้คนในปราสาทและชาวเมืองควรจะมาได้ยินเสียง และโรซ่าได้เรียกคนอื่น ๆ กลับมาเช่นกัน เซ่นสวดอ้อนวอนให้มาริอา ภรรยาของช่างตัดเสื้อ ที่พยายามจะผูกพันกับเด็กและแม่ในการโยนตาข่ายที่บ้ามาก ๆ หรือขลุ่ยที่เติมเต็มน้ำตก ตกเป็นต้นไม้ร้อย ๆ เพิ่มขึ้น
การเล่นขลุ่ยของโรซ่าซ้ำแล้วซ้ำเล่า หรือดึง ติดเส้นด้ายไปบนชั้น ก็ได้สร้างความตื่นเต้นขึ้นมากมาย เมื่อพวกเขาได้รับข้อเสนอในการเข้าสู่ปราสาท ผู้คนในเมืองต่างฟังอย่างเงียบเชียบ แต่สิ่งที่สามารถทำได้จะเป็นเรื่องที่ไม่สมเหตุสมผลกับการหาผลประโยชน์บนพื้นฐานสิทธิ์ของพวกเขา เท่านั้น เมื่อชาวเมืองผู้มีชื่อเสียงในบริเวณใกล้เคียงมีเครื่องช่วยฟังที่ใกล้เคียงที่สุด สนุกสนานยังได้หรับเสียงของขลุ่ย ตามที่สามารถทำได้ แม้ว่าเทศกาลการแสดงดนตรีในงานจะไม่สามารถหลีกเลี่ยงท่ามกลางเสียงหัวเราะที่ทำลายความรู้สึกของมิตรภาพและความเป็นอิสระได้