วันหนึ่ง ในท้องฟ้าสีฟ้าสดใสที่เต็มไปด้วยเมฆฟูฟ่อง มีเมฆน้อยชื่อว่า ‘คลาวดี้’ ต่างจากเพื่อน ๆ ของเขาที่ชอบลอยไปมาโดยไม่มีจุดหมายและบางครั้งก็ปิดบังแสงแดด คลาวดี้กลับเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น เขามองด้วยความประหลาดใจไปที่โลกเบื้องล่าง ที่มีกวางเขียวขจี ลำธารที่ไหลเอื่อย และผู้คนตัวเล็ก ๆ ที่เคลื่อนไหวไปมาเหมือนมดที่ยุ่งอยู่
“ฉันอยากลงไปดูว่าที่นั่นเป็นยังไง” คลาวดี้พูดขึ้นวันหนึ่ง “พวกเธอไม่เคยอยากลงไปดูที่นั่นบ้างเหรอ?”
“ไม่” เพื่อนของเขา ‘ฟ็อกกี้’ ที่ชอบอยู่ใกล้พื้นพูด “มันแฉะและชื้น และมีแมลงอยู่ทุกที่”
“แต่มีดอกไม้และต้นไม้และสัตว์นะ” คลาวดี้ตอบจินตนาการถึงสิ่งมหัศจรรย์มากมาย
“แค่พักอยู่ที่นี่เถอะ” ‘วินดี้’ ที่ชอบเร่งรีบพูด “เธอจะไม่รู้เลยว่าท้องฟ้าสวยงามเพียงใดถ้าไม่อยู่ที่นี่”
ดังนั้น คลาวดี้จึงถอนหายใจและลอยอยู่กับเมฆอื่น ๆ แต่วันหนึ่ง ดวงอาทิตย์ส่องแสงสดใสกว่าทุกวัน นกน้อยตัวน่ารักบินผ่านมา ส่งเสียงเจื้อยแจ้ว
“วันนี้มันเป็นวันที่สวยงามจริง ๆ ” ฟนฝนพูด “ฉันว่าฉันจะบินเข้าใกล้พื้นดินอีกนิด”
ลง, ลง, ลง ฟนฝนบินลงมา และตามเขามาก็มีหยดฝนเล็ก ๆ แต่คลาวดี้ไม่อยากไปกับฟนฝน เขาอยากจะลงไปคนเดียว เขาต้องการที่จะดูสิ่งสวยงามทั้งหมดที่โลกมี
“โอ๊ะ, น่าสงสาร!” เขาถอนหายใจ “ฉันจะไม่มีวันพอใจจนกระทั่งฉันได้ไปที่นั่น! ฉันหวังว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันเห็นดอกไม้น้ำตาลแดงในวิกิมของโลก และสิ่งที่ดูเหมือนพรมใหญ่สีเขียวที่ปูอยู่ใกล้ ๆ เมื่อฉันมองจากที่นี่”
จากนั้นคลาวดี้ก็ตัดสินใจ เขาจะลงไปและดูมัน! ใช่ เขาจะทำมัน เขาเริ่มลอยต่ำลง
“เขากำลังไปไหน?” วินดี้พูดเมื่อเขารีบเข้าหา ดวงอาทิตย์
“ฉันไม่รู้” ฟ็อกกี้พูดขณะที่เขาลอยไปอย่างเกียจคร้าน
“วันนี้มันสวยจริง ๆ ใช่ไหม?” ถาม ‘ดาวนีย์’
“เธอคิดอย่างนั้นเหรอ?” วินดี้พูด “ดูสิ่งที่ดูน่าขยะแขยงข้างล่างนั้นสิ มีแต่ความชื้นและน่าเบื่อ! และระวังแสงเหนือที่ส่องสว่างอยู่! หลังจากนั้นไม่นาน เธอก็รีบข้ามจุดที่เปียกและกระพริบตาอย่างรู้กันที่คลาวดี้ ที่จะต้องลอยผ่านมันไป หากเขามองเห็นมัน
ลงลงไป คลาวดี้ก็ไป เขาได้ลอยผ่านพื้นที่เปียก ผ่านทุ่งหญ้าที่กว้างใหญ่ที่มีวัวนั่งเคี้ยวหญ้าอย่างเกียจคร้าน ผ่านลำธารที่ไหลไปมา จนในที่สุดเขาก็เห็นดอกไม้แดงที่ทำให้เขาอยากเป็นอะไรมากกว่าการเป็นเพียงเมฆน้อยในท้องฟ้า
เขาบินไปทางนั้นก่อนแล้วก็กลับมาอีกหลายไมล์ แล้วกลับไปหามันอีก
“โอ้ ไม่ต้องการลงมาที่นี่ดูดอกไม้ที่สวยงามและสดใสหรือ?” เสียงของดอกไม้ร้องเรียกคลาวดี้
“ฉันไม่สามารถ” คลาวดี้กล่าว “ฉันไม่สามารถไปถึงเธอ” และเช้า เที่ยง และค่ำ เขาพยายามโจนนำไปตรงนั้นและทุกครั้งที่เขาไม่สามารถไปได้ เขาก็ลอยกลับไปไม่ไกลที่เขาเคยเดินทางไป เพราะกลัวว่าจะไม่สามารถเข้าใกล้อีกต่อไป
“โอ้ ทำไมฉันถึงไม่สามารถลงไปที่พื้นได้เลย?” คลาวดี้จะถอนหายใจ
แล้วก็มีเสียงจากจุดสีขาวที่อยู่ห่างออกไปทางตะวันออก บอกให้คลาวดี้ไปที่นั่น
เมฆไม่ค่อยเห็นที่นั่นบนหน้าโลกเลย แต่มันลอยอยู่ในอากาศตรงที่ฟรอสตี้อาศัยอยู่ ใกล้เมือง ดังนั้นจึงไม่มีใครอยู่ที่นั่นที่จะพูดว่า “ดูเมฆนั้นไปทางตะวันออก!”
หลังจากผ่านไปไม่กี่นาที เสียงนั้นก็ดังขึ้นเรื่อย ๆ และแล้วทันใดนั้น เสียงประสานที่กว้างใหญ่ก็ดังขึ้นในหูของคลาวดี้ “ที่นั่นมีภูเขากับต้นไม้มากมายและเสียงที่น่ารักจาก ‘หุบเขาฮัจญัติ’ ที่นั่งอยู่บนยอดของมัน” เสียงของ ‘ฟอเรคาสเตอร์’ กล่าว
เมื่อคลาวดี้มาถึงหุบเขาฮัจญัติ มันก็ยามเย็น และเขาพบว่ามันสวยงามจริง ๆ เหมือนที่เสียงได้กล่าวไว้ เขาเห็นว่าคนในชนบทไปเยี่ยมกันอย่างไร ผู้ใหญ่ที่มีความสุขเล่าเรื่อง “เมื่อครั้งนานมาแล้ว” ให้เด็ก ๆ ฟังนั่งอยู่บนพรมใบไม้ที่งดงาม คู่รักเดินจับมือกันใต้ต้นไม้
ตอนกลางคืนในฤดูร้อน สาวน้อยเล่นอยู่บนสนามหญ้าเขียวชอุ่ม
แต่ทะเลสาบที่ตั้งอยู่รอบภูเขานั้นไม่เคยเห็นในโลกใบอื่นเลย มันเล็กและลึกและเรียบเนียนเหมือนทอง เมื่อดวงอาทิตย์ตก มันดูเหมือนกับไฟกลมโตที่ล้อมรอบหุบเขาฮัจญัติ
จากนั้นโดนคลาวดี้ก็จำจุดเปล่าขาวที่เขาเห็นขณะบินผ่านเมืองกันได้ มันเป็นภูเขาที่มีหย่อม ที่ทำให้คนในชนบทป่วยเพราะฝนตกมากเกินไป อย่างไรก็ตามเมื่อจุดขาวของปลามิได้ถูกทำเสร็จ คลาวดี้ก็มุ่งหน้าไปทางตะวันออกตลอดคืน โดยลอยอยู่เหนือหุบเขาฮัจญัติ
หลังจากฟนฝนมาในวันที่สองและเช้าที่น่าเบื่อผ่านไป ดวงอาทิตย์ก็โผล่ออกมาพร้อมกับแสงที่สว่างจ้า ทะเลสาบเปล่งประกายและมันวาว เหมือนกับปลาเล็กที่กระดิกตัวในแสงอาทิตย์ ขณะที่ในตอนบ่าย เสียงดังขึ้นจากพื้นดิน
“เธอช่วยเอาตะกร้าปลาและแมลงหลาย ๆ ตัวจากวิกิมในหมู่บ้านมาหน่อยได้ไหม?”
คลาวดี้จึงจำได้ว่าเขาได้เติบโตขึ้นอย่างชาญฉลาด และสามารถเก็บทุกสิ่งที่เสียงจากหุบเขาฮัจญัติได้บอกกับคลาวดี้
อย่างแน่นอน ถ้าหุบเขาฮัจญัติไม่ได้จับปลาเทราต์ทองคำที่มีน้ำหนักสิบปอนด์จริง ๆ ที่หลุดอยู่ใต้ขาของเขา เพราะเขาไม่สามารถระบุคลาวดี้ได้
“โอ้ ขอแสดงความขอบคุณ, มองลงไปในน้ำ! มันกำลังจะกัด”
ลงลงไป คลาวดี้จับแมลง แต่โชคร้ายที่มันเป็นปลาที่ดองไว้ “น่าเสียดายที่เราไม่มีสายเบ็ดอยู่ที่เกรการีซึ่งเป็นที่นิยมของสหายของเขา”
หุบเขาฮัจญัติพยายามสร้างรอยยิ้มและเรื่องตลก แต่ก็ไม่มีประโยชน์ ในไม่ช้าเขาก็ร้องไห้ออกมา
“โอ้ ฉันอยู่ตรงนั้นนานเกินไปแล้ว” คลาวดี้พูดในที่สุด “พรุ่งนี้เช้าฉันจะลอยกลับไปที่ท้องฟ้าสีน้ำเงิน”
หุบเขาฮัจญัติร้องไห้อย่างหนักและเริ่มบ่นเกี่ยวกับบางสิ่งที่คลาวดี้กำลังดูอยู่ที่หุบเขาฮัจญัติในระหว่างพระอาทิตย์ขึ้น เขาคิดไม่ออกจากเหตุการณ์ที่น่าเศร้า
แมลงตัวในการตกปลาเสานั่งเรียงกันอยู่ที่ “ร้อยกลีบ”
เสียงประสานยังคงร้องเพลงเสียงดัง
แต่ในขณะที่พวกเขาเดินไปในทิศทางที่แตกต่าง คลาวดี้ยังคงย่องไปเรื่อย ๆ จากเวลานั้นถึงเวลานั้น ข้ามประตูใหญ่แห่ง ‘ฝูงม้าเร็ว’
แน่นอนว่าวันนั้นมาถึงอย่างถูกต้องในทุกเช้า และรถสีน้ำตาลเห็นบินไปมาในการค้นหาความสดชื่น ขณะที่ถุงมือที่จับผักกาดเก่าปรากฏอยู่ที่ปลายนิ้วของพวกเขา
“เราไม่หาปลากันวันนี้ น้ำมันอุ่นเกินไป”
วันที่ต่อมาก็ถูกถือว่าเป็นวันแห่งการจับปลา ทุกคนไม่ควรพลาด ดวงอาทิตย์ร้อนจัดขึ้นราวกับนางเงือกที่ติดอยู่บนโขดหิน และเอาชนะความตายที่พาไปรับทุกครั้งที่ลงทุนห้าล้านในการจับปลา แต่หลังจากนั้นสองชั่วโมง หุบเขาฮัจญัติเริ่มมีอาการคลื่นไส้ เขารู้สึกทุกคนที่มีปฏิกิริยาต่อต้านเขา อุณหภูมิที่ค่อนข้างอุ่นขณะเขาเริ่มดื่มน้ำเป็นเรื่องแปลก
“เธอเห็นไหมฉันไม่ชอบแมวดำเพราะไม่มีใครเคยรักพวกเขาจริง ๆ”
“อุ๊ย มันทำให้ผู้คนรู้สึกไม่ดีและน่ารังเกียจ มองไปที่น้ำหยดหยดบนดอกไม้นั่น ฉันเคยเห็นน้ำหยดนั้นติดบนแมลงวันมาก่อน แต่ไม่เคยเห็นมันบนดอกไม้เลย”
ฟรอสตี้เห็นด้วยกับความคิดเห็นของคลาวดี้
ดังนั้นหลังจากเกิดมรสุมสามครั้งฮาเซลไลท์ไม่สามารถยืนได้อีกต่อไป
หุบเขาฮัจญัติเริ่มขอบคุณคลาวดี้ และกัดกินบักกิ้งไปทั่วที่ช่วยให้ผู้คนไม่มีอะไรที่จะทำเมื่อรอยยิ้มได้ถูกทำให้สกปรกและดำมันด้วยการยิงออก
หุบเขากล่าวว่า “เธอเก่งมากในการชนะหญิงย่าที่เน่าเสียเมื่อต่อสู้จนทำให้พวกเขาร้อนเกือบจะร้อนเหมือนมันเป็นอาทิตย์หรือสองที่แล้ว”
คลาวดี้ลอยอย่างช้า ๆ และครุ่นคิดไปที่หุบเขาฮัจญัติในวันที่เขาจะจากไป และลงไปมองเข้าไปในความเขียวขจีของไม้แผ่น
“ความงามที่ไม่ได้ถูกดูแล” เสียงที่เขาได้ยินมาก่อนพูดด้วยเสียงที่เศร้า “ความงามที่ไม่ได้ถูกดูแล แต่จะมีผู้เชื่อคนไหนจะสัมผัสความรักในคืนที่ดูแลเส้นผมของความฝันกันละ?”
ถ้าฟรอสตี้ไม่สามารถยกขึ้นได้อย่างเย็นชาและมักจะอยู่ในเวลาที่ตกอยู่ในสภาวะการนอน ผู้คนจะบอกที่ไม่เคยมีอะไรดีไปกว่าอารมณ์ที่ลึกซึ้งนี้เลย
แล้วร้องเรียกเสียงของหลานสาวที่ยังไม่ได้ตั้งชื่อ “ทำไมเขาไม่เอาหุบเขาฮัจญัติไปเป็นตะกร้าปลาและแมลงสักหลายตัวละ?”
แต่บะหมี่ที่เย็นชาของฟรอสตี้นั้นยังคงยุ่งเหยิงเกินไปจนไม่สามารถย้ายจากที่นั่นได้
เมื่อคลาวดี้กลับไปในตอนเย็นเพื่อหาคำเสียง เขาก็ไม่สามารถแม้กระทั่งลอยบนรัฐของเขาในหุบเขาฮัจญัติ และรู้ซึ่งกลุ่มที่ผู้คนเคยเห็นอยู่ตลอดเวลาในภูมิภาคที่มีปัญหากับการทำผลงานที่ดี
เขาลอยรอบจนนานเกินไปพยายามหาทิศทางที่ได้เขียนไว้ในจดหมายของนักดนตรี แต่เรื่องราวก็ไม่เกิดขึ้น
เช้าตรู่ในเวลา 5 โมงเช้าเมื่ออเคิ้ลมาไกลจากทิศตะวันออก คลาวดี้ก็มีความสุขใจพบมุมของหุบเขาฮัจญัติไม่ถึงสิบอยู่ในลำดับที่เรียบร้อย
จากนั้นระหว่างทางไปทางใต้ คลาวดี้ได้บินไปเป็นจำนวนมากและช่วยให้หุบเขาฮัจญัติในสิ่งเดียวกัน ในการจัดประชุมที่พูดและบางครั้งพบกันในบางวิธีในระยะทางที่นาน