ฤดูใบไม้ผลิได้มาถึง และสัตว์ตัวน้อยทั้งหลายต่างยุ่งอยู่ในสวนของพวกมัน แซลลี่ทากก็กำลังยุ่งอยู่เช่นกัน แต่เธอไม่ได้อยู่ในสวน เธออยู่กลางป่าที่ใหญ่โตซึ่งไม่เคยถูกตัดไม้ และที่นั่นก็ไม่มีมนุษย์สักคน แม้แต่เด็กเล็ก ๆ ก็ไม่เคยมาเยือน
แซลลี่กำลังมองหาว่าเธออยู่ในสถานที่ประเภทไหน “โอ้!” เธอพูด “ฉันเป็นเด็กที่โง่เขลาที่เดินเข้าไปในถนนมืดในเมืองนั้น!” คุณเห็นไหม แซลลี่ได้ขึ้นมาที่จุดสูงสุดของเนินเขาที่เธอกำลังเดินผ่าน และมันก็เป็นงานที่ยากมากสำหรับเธอ เพราะมันขึ้นไปสูงห่างไกลและเธออ่อนแอและตัวเล็กมาก เธอค่อย ๆ คลานไปทีละน้อย หยุดพักเป็นระยะ
“เอ๊ะ ที่นี่มันเป็นที่ไหนกันนะ?” แซลลี่คิดขณะมองไปรอบ ๆ
ทางขวามือของเธอมีบ่อน้ำ และที่อยู่ด้านหลังนั้นก็มีเนินเขาที่สูงมาก แซลลี่สงสัยว่านี่จะเป็นทางกลับไปยังสวนของเธอหรือเปล่า การจะขึ้นไปบนเนินเขานั้นเป็นเรื่องที่ไม่สามารถทำได้ ด้วยเหตุนี้เธอจึงได้แต่ต้องนั่งลงและร้องไห้
เธอร้องไห้และร้องไห้จนตาเปล่าหมดก่อนที่เธอจะเหลือน้ำตาไว้เพียงพอกลับไปบ้านของเธอ ซึ่งก็เป็นเพียงพื้นที่หญ้าสำหรับสัตว์อื่น ๆ โดยทั่วไปแล้วทากส่วนใหญ่จะชอบให้อาหารที่มีกิ่งไม้เล็ก ๆ ใบแห้ง และมอส แต่แซลลี่ก็แน่นอนว่าเป็นทากและเหมือนกับทากตัวอื่น ๆ อย่างไรก็ตามยังมีสัตว์เล็ก ๆ อีกหลายตัวที่ชอบอาหารที่นั่นด้วย ทำให้หญ้าและโคลเวอร์ถูกปลูกในสวนนี้เพียงเพื่อสร้างร่มเงาในช่วงเดือนร้อน
ดังนั้น แซลลี่จึงไม่สามารถคาดหวังให้เพื่อน ๆ ของเธอนั้นมีน้ำใจได้มากนัก
บางครั้งเธอก็ออกไปในเวลากลางคืน และซ่อนอยู่หลังฟางหรือกิ่งไม้ที่หักในระหว่างวัน กลัวว่าไก่ดำและนกธรเนนี้จะเห็นเธอและกินเธอ
แต่บ่อยครั้งเธอก็ไม่ได้ออกไปเลย ในฤดูใบไม้ผลิ เธออยู่ในเตียงของเธอในที่แสนอบอุ่น ขณะที่สัตว์เล็ก ๆ อื่น ๆ ยุ่งอยู่ใต้ดินรอบ ๆ ด้วยการสร้างบ้านของพวกมัน แซลลี่เดินไปและเล่าเรื่องราวการต่อสู้ที่เธอใช้เพื่อมาถึงที่นี่ โรเจอร์หลังโก่งใช้เวลาทั้งวันในการบ่นเรื่องการหิวโหย และไปครึ่งทางถึงปลายซีกของเขาเหมือนกับดูว่าสิ่งต่าง ๆ ยังคงมีชีวิตหรือตายไป บูซี่-บูซี่ยิ่งดื้อรั้นขึ้นไปทุกวัน โดยเฉพาะเมื่อพวกเขายิ่งปฏิบัติกับเธออย่างไม่ดี ขณะที่กระรอกตัวเล็กยืนอยู่ด้วยหางที่ฟูฟ่องและเก็บน้ำหยดที่ส่องแสงเหมือนเพชร กระโดดจากกิ่งหนึ่งไปยังอีกกิ่งหนึ่งในท่าทางเร่งรีบ ราวกับว่ามีการนัดหมายที่ห้าโมงเย็นที่ไหนสักแห่ง เขาพูดคุยกับบูซี่-บูซี่มากเกินกว่าที่จะเป็นผลดีต่อตัวพวกเขาทั้งคู่
เหตุการณ์แรกเริ่มขึ้นเมื่อไก่ดำดีกรีกลายเป็นเรื่องตลกในที่สุด เขานอนมากเกินไปและทำเพียงสลีปกับการร้องเพลง รอบ ๆ สิ่งมีชีวิตเหล่านี้มีแมลงสวยงามมากมายที่ร่าเริงเหมือนกับสัตว์ในสภาพภูมิอากาศที่อบอุ่น
แต่ในหมู่พวกนี้ แซลลี่รู้สึกเจ็บปวดอย่างมาก และสุดท้ายเธอก็จำได้ถึงความสุขและความสะดวกสบายของโคลเวอร์และหญ้า ใบเขียวสดหนา ๆ และเตียงมอสอุ่น ๆ ของเธอ ซึ่งเธอได้เดินทางมาถึง ณ จุดนั้น และยังต้องเดินทางต่อไปไกลอีกมากหากเธอจะกลับบ้าน
“สิ่งเดียวที่ฉันสามารถทำได้” เธอกล่าว “คือพยายามปีนขึ้นไปที่จุดสูงสุดของเนินเขานี้”
แต่เหตุผลของแซลลี่ก็คงจะบอกเธอ ถ้าเธอฟังมันอย่างดี ว่าการพยายามปีนขึ้นเนินเขานี้เป็นการเสียเวลา โดยเฉพาะในขณะที่มันกำลังจะค่ำ
เมื่อพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า เธอรู้สึกหนาวมากจนมีหิมะเล็ก ๆ เริ่มตกลงมา สัตว์หลายตัวที่รู้จักจากฝั่งเข็มจะชอบมากที่จะได้เข้าไปนอน เพราะพวกเขาอาศัยอยู่ที่นั่น หรือที่อีกด้านหนึ่งของเนิน “เธออยากไปไหน?” ทุกคนต่างก็ถาม
“ฉันอยากกลับบ้าน” แซลลี่ตอบ
สัตว์ทุกตัวต่างก็แสดงให้กันเห็นว่าเธอนั้นน่าสงสารเพียงใด และเริ่มรัดสัตว์ที่น่าสงสารนั้นจากพื้นดิน เพื่อให้เธอไม่ต้องทนทุกข์นานนับร้อยสัตว์เท่าที่เธอเห็น และเธอมีตาอยู่รอบด้านศีรษะดังนั้นจึงคลานไปที่เหนือของเธอเหมือนกับเล่นกัน แต่ไม่นานหัวของพวกเขาก็เริ่มวิงเวียนเพราะเสียงก grunt ที่ดังในหูของพวกเขาดังกลบเสียงอื่น ๆ รอบตัว
ในขณะที่มันยังมืดอยู่ รายงานแรกของการสั่นสะเทือนก็เริ่มแพร่กระจายไปทั่ว
“บอกฉันที มีใครเห็นฉันไหม?” แซลลี่พูด
มีคนกล่าวในดินแดนของปลาวาฬ ผู้ส่งโทรเลข โดยตัดหางของตัวเองให้ส่งไปถึงภูเขามอเซอร์ ขณะที่รุ่งสาง
แต่ไม่มีใครที่นี่ถูกนึกถึง “เพียงแค่ฟังซาวด์ในมื้ออาหาร” เป็นเสียงเดียวที่มาจากภูเขาเก่า
บึงและเนินดินก็ระเบิดออกมาเป็นเบอร์มูดา “โฮก, ฮาวท์, ชอน แมงเล็กกำลังจะหยุดพัก, อีกสองชั่วโมง”
มันเป็นธรรมดาไม่มีใครที่จะมีอารมณ์ดีแบบนั้น แต่เป็นคนดีเช่นนี้
แซลลี่ทากนั้นดีเหลือเกินที่เธอยังคงอ่านหนังสือดีอย่างต่อเนื่องก่อนที่จะถูกรบกวน แม้ว่า ironagurists เหล่านั้นจะอ่านคำจารึกจากอีกด้านหนึ่ง
แซลลี่ทากอาจจะเกิดการอ่านหนังสือดีในคราวนี้ด้วย แต่เธอก็ไม่ทำเช่นนั้น มันเป็นเย็นแล้วก่อนที่เธอจะปฏิบัติตาม
ว่าเธอต้องมีการสนทนามากมายที่เธอได้พูดคุยอย่างไม่ถูกรบกวนเมื่อคืนที่ผ่านมา หากเธอมีแนวโน้มที่จะเลื่อนการหลับไป!
ทั้งหมดนี้นั้นน่าสนใจน้อยและถูกเขียนในรูปแบบการเรียนที่ขัดเจน ทั้งที่ดูหยาบคายแต่ก็เป็นไปได้มากสำหรับ “ลูกน้อย” บางคน “ความจริงอาจจะยืนยันได้ว่าพวกเขา โดยเฉพาะผู้พิการสายไฟ จำเป็นต้องให้ความเคารพเสมอเมื่อขอให้พวกเขาออกจากบทเรียนตุลาการ
การปฏิบัติเช่นนี้กับเด็กเล็กไม่อาจทำให้เกิดความหม่นหมองได้
ผู้เขียนนั้นนั่งอยู่สบายและนาน.