เมล็ดเวทย์ของซัลลี่

กาลครั้งหนึ่งในทุ่งหญ้าสีเขียวที่สวยงามใกล้ริมฝั่งน้ำ มีซัลลี่ กระรอกน้อยอาศัยอยู่ เธอมีหางพองฟูและมีตาสีดำแวววาว เธอชอบวิ่งไปรอบ ๆ ต้นไม้และกระโดดจากกิ่งหนึ่งไปอีกกิ่งหนึ่ง เธอว่องไวและมีชีวิตชีวา

สัตว์น้อย ๆ ทั้งหมดรักที่จะเห็นซัลลี่กระโดดและเด้งดึ๋ง “เธอน่ารักจริง ๆ” นกกระจอกพูด “ไม่ว่าเธอจะเจออะไร เธอก็ดูเหมือนจะสนุกเสมอ”

“นั่นจริง” นางโรบินกล่าว “แต่ฉันเกรงว่าอารมณ์ดีของเธอทำให้เธอประมาทมากเกินไป”

“ฉันไม่เคยเห็นเธอพักผ่อนเลย” นกเล็ก ๆ วเรนกล่าว

“อา! ใช่ หลายครั้งเธออาจจะพักผ่อน” นางโรบินกล่าว “แต่ยังไงเธอจะพักเมื่อเธอไม่คิดว่าพวกเธอกำลังมองเธออยู่” ซัลลี่มักจะนอนอยู่ในมุมเงียบ ๆ โดยใช้หางของเธอคลุมตา โดยมองดูเพื่อน ๆ อย่างซุ่มซ่าม เช่น ผึ้งที่ขยันขันแข็ง ผีเสื้อ และสัตว์น้อย ๆ ที่บินไปบินมาอยู่ระหว่างใบไม้

วันหนึ่งสัตว์น้อย ๆ ทั้งหมดกำลังวุ่นวายเพราะฤดูใบไม้ร่วงกำลังจะมาถึง และอาหารของพวกมันจะหมดลงในไม่ช้า ดังนั้นทุกคนจึงยุ่งอยู่กับการเก็บเมล็ดและถั่ว แบล็คกี้ นกเเกร ขากล่าวกับพวกมันว่า “อย่าลืมนะว่าเราต้องเก็บอาหารสำรองไว้สำหรับฤดูหนาว”

ซัลลี่จึงคิดถึงถั่วของตัวเอง “แต่ฉันจะหามาได้จากที่ไหนกันล่ะ?” เธอพูดด้วยความสงสัย และจากนั้นเธอจึงเริ่มออกเดินทางเพื่อค้นหาเมล็ดพันธุ์

ในที่สุดเธอก็มาถึงถุงดำใบหนึ่งที่นอนอยู่ริมฝั่งแม่น้ำ โอ้ ซัลลี่ดีใจมาก! เพราะว่ามันเต็มไปด้วยเมล็ดพันธุ์ที่มีทั้งสีขาว สีดำ และสีผสม “ตอนนี้ฉันจะมีเมล็ดพันธุ์มากมาย” เธอจึงกรอกปากและมือของเธอไปด้วยเมล็ดพันธุ์ และรีบเก็บใส่ที่เก็บของเธอ

เมื่อเธอทำงานของเธอเสร็จเรียบร้อยแล้ว เธอกลับมาและเห็นว่าไม่มีใครอยู่ในมุมโปรดของเธอ เธอนอนลงเพื่อหลับสนิท ในขณะนั้นมีเสียงดังทำให้เธอตื่นจากความฝัน เธอยกหัวขึ้นและพบว่าทุกสัตว์น้อยได้รวมตัวกันเพื่อจัดประชุมเกี่ยวกับอาหารสำรองของพวกเขา

“โอ้! ฉันง่วงเสียจริง” ซัลลี่คิดในใจ จึงCurl หางของเธอปิดจมูกและกลับไปนอน

กระรอกทั้งหมด, วเรน และนกทองคำ และแบล็กเบิร์ด และบลูเจย์ ต่างก็เก็บเมล็ดพันธุ์และถั่วของตัวเอง “กระรอกและวเรน และเมล็ดพันธุ์สำหรับสัตว์น้อยอื่น ๆ” แบล็คกี้กล่าว “พวกนี้จะถูกปลูกและดูแลโดยทุกคนเมื่อฤดูใบไม้ผลิมาถึง; และจากนั้นจะมีอาหารสำหรับทุกคนในเดือนพฤษภาคม”

ซัลลี่ได้ยินเช่นนั้นและพูดกับตัวเองว่า “ฉันจะเก็บรวมเมล็ดพันธุ์ทั้งหมด และวางแผนสวนด้วยตัวเอง” แล้วเธอก็หลับต่อไป

เมื่อเช้ามาถึง และทุกคนยุ่งอยู่กับการปลูกเมล็ด ซัลลี่เปิดตาขึ้นและพูดกับตัวเองว่า “ฉันจะเก็บเมล็ดพันธุ์ของตัวเอง” และสิ่งนี้เธอก็ทำอย่างเงียบ ๆ ในขณะเดียวกันคนอื่น ๆ โดยเฉพาะวเรนและนกทองคำ ทำหน้าตาใหญ่โตและบอกว่าพวกเขาหาเมล็ดพันธุ์ไม่พบ และสงสัยว่ามีใครกินมันไปหมดแล้ว

จากนั้นหลังจากทุกคนออกไป ซัลลี่ลงไปและปลูกเมล็ดพันธุ์ที่สวยงามเป็นแถว และรดน้ำพวกมันจากลำธารเล็ก ๆ ตลอดเวลาที่เธอกำลังปลูก เธอก็คิดในใจว่า “ดอกไม้เหล่านี้จะสวยงามเพียงใด; และฉันจะได้เก็บข้าวจากต้นเดียว”

ไม่นานหลังจากนั้น แสงแดดอุ่น ๆ มาถึง และทุกคนรู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็นดอกไม้ที่สวยงามเบ่งบานจากเมล็ดพันธุ์ที่ซัลลี่ได้ปลูก และไม่นานดอกไม้ก็กลายเป็นผลไม้ ได้แก่ เชอร์รี่ แอปเปิ้ล และลูกแพร์

“โอ้ จะมื้อเย็นที่แสนอร่อยขนาดไหนนะ” เธอคิด “และยังฉลาดมากด้วย!” และเธอก็กินอย่างเอร็ดอร่อยจนคิดว่าเธอจะหยุดไม่ได้

ต่อมา มีใครบางคนมา และเธอเห็นอะไรบางอย่าง? โอ้! สต็อกอาหารทั้งหมดของเธอล้มเหลว นั่นคือแบล็คกี้นกเเกร ที่บินไปที่บ้านของเธอหลังจากที่ซัลลี่ออกไป เมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น “โอ้ เราต้องระวังว่า กระรอกที่เคยได้รับการยกย่องว่าฉลาด แต่ตอนนี้พวกมันนั่งกินและพกไปฝังทุกอย่างที่พวกมันสร้างมา ในขณะที่คนอื่น ๆ ทำการหว่านและปลูกพวกเขา” และเธอก็มากับเสียงนั้น “โอ้ เราต้องระวังเลย”

จากนั้นซัลลี่กลับบ้าน “ทำไม?” เธอตะโกนด้วยความประหลาดใจ “คุณหามาเจอเมล็ดของฉันได้อย่างรวดเร็วยังไงจ๊ะ แบล็คกี้?”

“ฉันน่ารำคาญ” คือคำตอบ “ฉันมาที่นี่เพื่อปลูกพวกนี้ให้คนอื่น และคุณก็กินมันหมด แล้วคุณคิดอะไรอยู่? คนอื่นกำลังมองหาถั่วที่คุณซ่อนไว้เมื่อคุณขโมยมันไปเร็วเกินไป”

ดังนั้นแบล็คกี้นกเเกรจึงไป และซัลลี่เริ่มร้องไห้ “ไม่ต้องห่วง” เธอพูดกับตัวเอง “ไม่มีใครจะคิดถึงฉันในป่าแห่งนี้เมื่อมีอาหารมากมาย ฉันสามารถบินไปที่ป่าอื่น ถ้ามีใครสังเกตเห็นฉัน!”

เธอพยายามอย่างดีที่สุด และเธอก็มานั่งร้องไห้เสียใจกับการสูญเสียเมล็ดอันมีค่า สลัดแสนอร่อย และมื้ออาหารถีสร้างสรรค์อีกมากมาย

ฤดูใบไม้ผลิมาถึง แต่ไม่มีสัตว์น้อยตัวไหนมาหา ซัลลี่ที่วิตกกังวล ซาลไปสุดท้ายเธอจึงโกรธเกรี้ยว และทุกคนกลับมาที่ประชุมกันเกี่ยวกับสิ่งที่เธอกินไป และทุกคนก็เอาอะไรเล็กน้อยมามอบให้ แต่หยุดกันนานขนาดนี้ ด้วยการตกลงร่วมกันไม่มีสิ่งใดถูกมอบให้เธอ และพวกเขาก็พากันบินไปในทิศทางต่าง ๆ ใกล้บ้านของแบล็คกี้นกเเกรในสวนสีฟ้า

ดังนั้นแบล็คกี้นกเเกรจึงกล่าวว่า “ฉันเพียงแค่แตะต้องเมล็ดของคุณ และตอนนี้ฉันจะสัมผัสถึงเถาวัลย์ใกล้บ้านคุณ” ดังนั้นบอกเธอจึงเก็บผลเบอร์รี่มาจากพืชเถาวัลย์ใกล้ ๆ ที่นอนของซัลลี่

แต่ซัลลี่กลับไม่มีอารมณ์ที่ดี เธอผูกหางของเธอไม่ต้องการให้ใครเห็น และลงมาจากต้นไม้ที่เธอมีบ้านเล็ก ๆ ในน้ำที่ส่องแสงแดด มีผู้ชายและผู้หญิงใกล้ ๆ และเธอกล่าวว่า “ดูพวกเขาขาดสติ” และยังบอกว่า นกตัวเล็ก ๆ เหล่านั้นร้องไห้เพราะสิ่งที่นกโง่ ๆ กินไป

แล้วห่านสีเทาจากประตูเขียว ๆ ได้พูดกับลูก ๆ ในวันหนึ่งขณะที่พวกเขากำลังอาบน้ำและเจ้าเล่ห์ “ทำไมถึงมีนกตัวเล็ก ๆ จำนวนมากในที่ประชุมใต้ต้นไม้ โดยที่หัวพวกเขาต่ำเพราะมองไปที่เถาวัลย์ที่ไม่มีผลเบอร์รี่เหลือเลย”

และพวกเขายังคงรออยู่ใต้ต้นไม้ด้วยหัวต่ำ ๆ จนกระทั่งแบล็คกี้นกเเกรบินมาจากฟ้าและร้องเพลงว่า “นอกจากกระรอก ทุกตัวจะมาเก็บเบอร์รี่จากเถาวัลย์ใต้ต้นใหญ่กันทั้งนั้น”

จากนั้นเหล่าสัตว์จากป่าทั้งหลาย และนกวเรน นกทองคำ และบลูเจย์ก็ตามมา และทุกคนถูกถามเมื่อเห็นธัญพืชว่า “ทำไมเราต้องสร้างความอดอยากให้กับตัวเอง” และจากนั้นพวกเขาก็หายไป ซัลลี่จึงผูกขาให้พ้นจากสภาพบวม และไปนอนอยู่ที่กิ่งเป็นเวลาทั้งวัน แต่เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลายครั้ง ทุกวันทุกคนลืมความหิวโหย และถั่วถั่ว และเมล็ดวิลโลว์ที่หลั่งไหลอยู่รอบ ๆก็อยู่ห่างไปไม่ถึงหกไมล์

ดังนั้นเมื่อถึงปลายสัปดาห์ที่หก เธอจึงว่ายน้ำเข้าไปในความต้องการเขียวชอุ่มและพบพวกเขาทุกวัน พร้อมพูดว่า “มันจะฉลาดมากถ้ามีพวกเราหลายคนไม่ขออาหารกันนะ พวกเขาช่างฉลาดเกินไป” แล้วเธอก็เชิญทุกคนไปเลี้ยงเล็กน้อย โปรตีนฮามและซุปอะโครน และทุกคนเห็นว่าเธอภูมิใจมากในเรื่องนี้ แต่เธอแค่เชิญพวกเขาเข้าร่วมเต้นรำเล็กน้อยในบ้านของเธอ

เอาล่ะ! ไม่มีใครประหลาดใจ จริง ๆ แล้วพวกเขารู้สึกอายที่จะร้องเพลงนี้ หลายคนยังแสวงหาผลเบอร์รี่ที่เติบโตขึ้น และบอกเกี่ยวกับเรื่องนี้ และหลังจากนั้น “พวกเขาไม่เคยคิดถึงเธออีกเลย ขอบคุณ อัลเคมีทีค” ซัลลี่กล่าว และออกไปด้วยความสุขที่ดีในหมู่เพื่อนใหม่ของเธอ ขนของนกมักจะเปลือยเปล่าบนหัวของพวกเขา ดังนั้นทุกคนจึงน่าสงสารที่ร้องเพลงที่หยาบกระด้าง

ดังนั้นทุกคนจึงรู้ในเวลาต่อมาว่ากระรอกทำอะไร ตามที่ฉันกล่าวไป และทันทีที่พวกเขาเห็นคนที่เธอส่งไปในขณะที่เธออาศัยอย่างมีความสุขที่นี่กับฟางของเธอ เพื่อบอกมันกับวเรนตัวน้อยและพี่น้องรวมถึงญาติของนกชนิดอื่น ๆ ว่าเธอได้รับอนุญาตให้ไปยังที่ใดที่หนึ่งตามใจชอบ และสามารถเพลิดเพลินในสมัยหน้า ความสุขมากภายหลัง สระ อายุหลายปีที่ผ่านไปเมื่อพวกเขาถูกฝัง

แต่เมื่อปู่ผู้ยิ่งใหญ่ทุกคนบอกเธอเกี่ยวกับผ้าคลุมใหญ่ที่ห่านมีที่ยืมออกไปจากเมื่อยังอยู่บนบันได และจากนั้นยังได้ทานชมพูบ้าง หรือน้ำเหลืองหนึ่ง หรือสองของกระดูกสว่าง “อา! ห่านสีเทา” ครั้งแรกที่เธอพบกับหลานชายตัวน้อยอีกครั้งในการงานกันเพื่อแสดงว่าเธอยกโทษให้ “คุณเชื่อไหม ครั้งแรกที่มาเพื่อซ่อมแซม คือในคืนปีใหม่เมื่อพวกเขาซื้อเราที่ Sorrow-Worker von Hampe? หลังจากนี้ที่กล่าวถึง Sorrow-Worker ที่แดงและดำนี้ตลอดทั้งปีเหมือนกับที่แปรงได้อย่างสง่างาม ไม่มีหญิงเก่าอีกคนที่อาจสูญเสียผ้าทำผนังห้องของเธอ”

และในวันที่มีความสุขสักครั้ง นกนางแอ่นตัดสินใจว่าจะเลวร้ายเท่ากับ Sorrow-Worker สีน้ำตาล แต่เริ่มแรกมันเกาะอยู่บนโรงเลี้ยงหมู และที่นั่น พวกนักเทศน์เก่าแก่และหญิงชรานั่งอยู่ข้าง ๆ เตาผิงขนาดใหญ่ ก็ได้มีคำถามเล็ก ๆ น้อย ๆ และจานอาหาร นกผึ้ง และอันตรายกลายเป็นเรื่องตลก จากนั้นนักเทศน์เก่ากับเกษตรกรได้หยุดเก็บใต้ปล่อง และตะโกนเรียกคำว่า “น่าอายกับนกสกปรก!” ปล่อยให้วันนั้นเป็นวันเลือกขยะอยู่ในฟาร์มอย่างยาวนานเพื่อขับร้องบทเพลงเมื่อพวกเขานอนอยู่ใต้และฝันไป ซัลลี่ได้เขียนแผนและถั่ว แต่ไม่ได้มีจดหมายใด ๆ ที่ด้านนอกหลังจากนั้น ดังนั้นน้ำหมึกของเธอก็เป็นคำบอกเล่าสั้น ๆ แม้ว่าข้างในอาจจะได้มีแต่ตัวย่อสีฟ้าและแดงเหมือนขาของเธอและปีกที่หมายถึงในขณะที่ม้วนตัว

ทำไมถึงมีความสับสนทั้งหมดเกี่ยวกับการล้างมีดจากปริศนาไม้ที่มาจากบ้านนั้นจึงเป็นเรื่องที่แตกต่างกันอย่างมากและเป็นข้อขายที่แข็งแกร่ง เมื่อวันหนึ่งแบล็คกี้นกเเกรเชิญกระรอกให้ออกไปกับเธอ และได้รางวัลมากมายจากทุกยุ้งข้าวที่มีอยู่ในโลกบนป้ายโฆษณา นกตัวเล็ก ๆ และแว่นขยายสองตัวเกี่ยวกับเรื่องนี้ ก็พากันชี้โทรมลงไปที่ทางน้ำ แต่นั่นทำให้เธอมีความยากลำบาก แต่กระรอกที่จริงใจนั้นกลับรู้สึกเสียใจมากและถอนหายใจอย่างหน่วงหนักเท่ากับเขาแทบไม่ทำมาหากินต่อไปได้เลย แต่ยังจากัดเขาให้มาหาอาหารในที่ของ Sorrow’s จะพบที่นอนที่สูงกว่าสามเท่าในทุกสัปดาห์หรือสัปดาห์ละสองครั้ง

และในวันหนึ่งเธออาจจะหลับได้อีกครั้งได้มากมายในกิ่งไม้เสมอ ๆ เช่นเดียวกับฤดูร้อน ใช้ที่นั่งในเล็บแมงมุมขณะที่สบัดทิ้งเสียงของนักดนตรีที่รอโอกาส ในขณะที่ในดินแดนห่างไกลได้ถูกลืมอย่างรวดเร็ว ไม่มีใครดึงดูดออกมาจากสิ่งที่เธอพูดได้เลยนอกจาก “วรรณกรรมเก่า” หากมีความผิดที่รบกวน ต้องเทเงินที่ใช้เก้าร้อยปอนด์

เพราะพวกที่ไร้ทักษะได้รับบริการการคืนเงินที่มหาศาลอย่างไรก็ตาม เต็มใจที่สุดก็คือ Hall ของมาร์ติน พลูกันไม่ห่วงแม้แต่เรื่องที่จริงใจเมื่อตนรู้สึกดีจริงๆ เพราะเราอาจจะเข้าใจบทกวีอย่างไม่ขัดแย้ง แต่แม้ที่นี่ของเธอก็มาอีกครั้ง หรือบินอย่างมีกลิ่นฟักทอง

ดังนั้นมันคุ้มค่าที่จะทำลาย ทุกคนติดอยู่ ตราบใดที่เธอทำในสิ่งที่เป็นหนี้เพื่อนตัวเล็กหรือเรียกหาทุกคนที่มาหา

ดังนั้นพวกเขาจึงพูดเรื่อยไป แต่มันก็ดูเหมือนว่าจะพิสูจน์ได้และจริง ๆ แล้วเกษตรกรน่าสงสาร ควรให้รู้จักคุณค่าของการรักชัด ๆ หรือคืนค่าบริจาคให้ที่อยู่ใต้ต้นไม้สิบสองต้นก็ยังได้ ฤดูใบไม้ร่วงไม่ได้ออกมาอย่างดี และฤดูใบไม้ผลิมาตั้งแต่ฤดูกาลนี้ มีเพลงที่กลายเป็นเสียงขยุกขยิกทั้งหมดจาก monthsing อยู่เสมอ

ในที่สุดอย่างไรก็ตาม วันสุดท้ายในเดือนกรกฎาคมได้เริ่มบ่งบอกความรุนแรงจากพายุที่บอกให้เกิดคนแก่ในอีกหลาย ๆ ปีไปจนถึงการมานั่งใต้ท่าทางลูก ๆ ของสอง แต่ยังมีความตามใจต่อมนุษย์ก็ตาม ที่ไม่เคยกลับไปที่ไหนเท่านี้หลังจากนั้น ได้ถูกนำออกไปให้เลย

และความรู้สึกภายในในใจได้อธิบายอย่างไร้สติสุขให้แก่ตัวเองได้ว่า ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ปีนทุกปี แต่สุดท้ายอาจจะเคยเป็นที่เคาน์เตอร์อย่างต่างกัน

จึงเกิดเสียงดงดังในทางใด ไม่ต้องไปทางเดียวอย่างชัดเจนทั้งหมด แต่ก็มิได้บอกตำแหน่งไหม โดยทั่วไปก็ยังไม่ได้เสมอไป

สุดท้ายเสียงหนักที่รุ่งเรืองอาจจะปรากฏขึ้นเสมอ ก่อนที่จะมีขนาดใหญ่ไม่มีที่ใดเสี่ยง ซึ่งเป็นคำเชิญให้ “ แย่เหมือนจานจานถ้วยแอปเปิ้ล” ใส่ความเล่นเสียงอื่น ๆ ที่หลากหลายอย่างสิ้นเชิงเช่นยกเขากันเสมอ ๆ

ทั้งหมดนี้คือเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับซัลลี่ผู้มีความสุขในป่าในสถานที่อบอุ่นก็คงไม่ต้องการให้เป็นที่เข้าประตูบ้านของการมีสิ่งใดสำคัญอย่างที่ระบุตบันดาล แต่มันไม่มีอะไรมีแล้ว keep คำช่วงนี้เก็บให้จ่ายชั่วคราวหัวข้อกันไปในชีวิตลูก ๆ ที่จะถูกกันขึ้นเป็นสองเท่า imroarer ตามรูปแบบหนึ่งที่หน้าตื่นย่ำอย่างเหมาะสมสวยมากที่สุด ทว่าในทางนั้นอาชญากรที่เป็นจริงขอให้จบอย่างนุ่มผ่านทั้งสองที่คุ้นเคยอยู่ที่นั่นได้ถอนใจได้ที่นั่น

คำสั่งจากฤดูใบไม้ผลิไปสู่ฤดูใบไม้ร่วงได้ได้ปรากฏขึ้นกับคำตอบลูกของการอยู่แบบลังเลมาตลอดที่ได้จ๊ะขึ้นอย่างสิ้นเปลือง ให้กลับกลายเป็นกลับมาแรกได้นั้นดูกรนานุมเป็นอิทธิพลเท่านั้นเมื่อมองในอสังหาริมทรัพย์เฟื่องโดยการสัมภาษณ์ของลูกชายและมนุษย์หัวหน้าทหารด้วยกันที่ทำงานในที่นั้น ตามความอุดมสมบูรณ์ที่เกิดบ่อยครั้งในที่ราวบน แม้ว่าทุกคนไว้วางใจในความแปลกใหม่ย่อมอาจให้เกิดคำอธิบายที่ก่อตัวซ้ำกันยาวเท่า ๆ กันกลับไปชูรองรับชีวิตนักบินในจิ้งจกคนเล็กกันใหญ่fontSize。

English 中文简体 中文繁體 Français Italiano 日本語 한국인 Polski Русский แบบไทย