ในคืนที่ท้องฟ้าโปร่งใส แสงจันทร์ส่องผ่านหน้าต่างของฉัน ทำให้ชั้นหนังสือในห้องเล็ก ๆ ของฉันสว่างไสว มุมที่ฉันชอบที่สุดคือส่วนรูปวงกลมที่เต็มไปด้วยหนังสือเกี่ยวกับเวทมนตร์และสิ่งมีชีวิตมหัศจรรย์ ซึ่งสร้างโลกแห่งสีสันและความประหลาดใจ ฉันสามารถใช้เวลากับมันได้นานหลายชั่วโมง เสมือนดำน้ำอยู่ในหน้ากระดาษนั้น จนกระทั่งแม่ของฉันมาเช็คดูว่าฉันเป็นยังไง
ในคืนที่มีแสงจันทร์เช่นนี้ ชีวิตของฉันเปลี่ยนไปตลอดกาล ฉันรู้สึกมีพลังต่อต้านการหลับใหลและเก็บความกล้าหาญไว้ในมือ งานเทศกาลจันทร์เพิ่งผ่านไป ซึ่งเป็นเวลามหัศจรรย์ที่พรมแดนระหว่างโลกของเราและโลกอื่น ๆ อ่อนแอที่สุด อาจารย์หยุน ผู้เป็นครูสอนของฉันได้ห้ามไม่ให้ทำการเวทมนตร์ที่เข้มงวด แต่ตอนนี้ ฉันพร้อมที่จะท้าทายทั้งเขาและแม่ของฉัน
เหมือนกับว่าความคิดของฉันได้เรียกเรียงหนังสือเล่มหนึ่งที่ชื่อว่า หนังสือแห่งความมหัศจรรย์: สิ่งที่พระจันทร์เห็น ให้ส่องประกายและเปล่งแสง มันทำให้ฉันรู้สึกตื่นเต้นมาตลอด มีภาพประกอบมากมายแต่กลับไม่มีข้อความเลย ฉันได้ค้นพบว่าหนังสือธรรมดาค่ะสามารถเผยความมหัศจรรย์ได้; เรื่องราวที่ซ่อนอยู่ในภาพประกอบของมันมีชีวิตชีวาขึ้นเมื่อเปิดหนังสือใต้แสงจันทร์เต็มดวง
เพิกเฉยต่อเสียงนาฬิกา ฉันดึงหนังสือออกจากชั้น ฉันไม่สามารถเชื่อว่ามันยังไม่ได้ถูกยืมออกไป ด้วยหัวใจที่เต้นแรง ฉันเปิดมันออก ภาพต่าง ๆ ขยับและมีชีวิตชีวาใต้แสงจันทร์ ปล่อยให้มันสะท้อนทั่วห้องของฉัน ฉันรู้สึกเหมือนกับเป็นพ่อมดในดินแดนมหัศจรรย์ เปลือยเปล่าและไม่มีข้อจำกัดต่อโลก
แต่ละภาพทำให้เกิดความเชื่อมโยงในจิตใจของฉัน นำไปสู่คำต่าง ๆ ที่ฉันไม่เคยอ่าน แต่ในความรู้สึกมันกลับคุ้นเคย เรื่องราวเปิดเผยการเดินทางของเพอร์เซฟิโดน, ซูฮา และตัวละครอื่น ๆ ที่ฉันรู้จักเพียงจากภาพวาดที่ถูกสเกตซ์ไว้อย่างเร่งรีบในหนังสืออื่น
เป็นเวลานั้นเองที่เสียงตะโกนดังขึ้นทำลายความเงียบ “เธออยู่ที่นี่เหรอ?” เสียงของแม่ฉันซึ่งซ่อนอยู่ด้วยความมีอยู่ของอีกคน หน้าตาของเธอดูตื่นเต้น จู่ ๆ ภาพเหล่านั้นก็ค่อย ๆ เลือนหายไป เหลือไว้เพียงหนังสือที่ดูธรรมดาอีกครั้ง
“ไรลีย์? ฉันได้ยินเสียงดัง—เธออย่าอยู่ในชั้นใต้หลังคาในงานเทศกาลจันทร์นะ!” คำตำหนิของเธอดังขึ้นในความมืด
“แม่ ฉัน—“
“เราต้องคุยกันเดี๋ยวนี้!”
โดยไม่เต็มใจนัก ฉันจึงผละออกจากพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ของฉัน หนังสือที่เปิดอยู่กลับดูแปลกไป ฉันเดินตามเธอไปที่ชั้นใต้หลังคาและห้องข้าง ๆ ซึ่งโต๊ะมีถาดที่เต็มไปด้วยข้าวเค้กหวานและผลไม้ เทียนวางอยู่บนโต๊ะหลาย ๆ แห่ง ส่องแสงสว่างและสร้างเงาที่เต้นระบำ
“เธอช่วยอธิบายได้ไหม?” เธอยืนอยู่ในท่าทางที่สื่อถึงความสงสัย
ฉันต้องห่อตัวอยู่กับคำถามของเธอ “มีความลับนะแม่! ฉันเพิ่งพบหรืออย่างน้อยก็ส่วนหนึ่ง หนังสือบอกไว้แบบนั้น”
เธอผ่อนคลายเล็กน้อย แต่ยังคงตึงเครียด “เอามาเล่าสิคะ”
“มันบรรยายถึงสิ่งมีชีวิตมหัศจรรย์—พระจันทร์แม่ เธอสวยงามและมีจิตใจที่ซุกซนมาก แต่บอกว่าเธอดื่มไวน์ในช่วงน้ำท่วมใหญ่ ฉันจำได้…”
“ความโศกเศร้าได้ทิ้งร่องรอยไว้มากกว่าที่เราคิด” เสียงเธอนุ่มลง
“แต่มันยังมีมากกว่านั้น เพอร์เซฟิดโดนและซูฮา! และดอกไม้ที่มีเสน่ห์ด้วย! แม่และราชินีนี้—มันเป็นปริศนา หนังสือเลือนหายไปก่อนที่ฉันจะสามารถค้นหาได้ทั้งหมด”
เธอวางมือไว้บนไหล่ของฉัน ความอบอุ่นจากพลังที่คุ้นเคยทำให้ฉันรู้สึกกล้าขึ้น “เธอรู้ว่าเธอสามารถพูดคุยกับฉันเกี่ยวกับอะไรก็ได้ ไรลีย์”
“ฉันกลัวนะแม่ ถ้าฉันบอกแม่แล้วจำอะไรได้มากขึ้นเกี่ยวกับมัน? มันมากเกินไป”
ด้วยเสียงถอนหายใจ เธอรับหนังสือจากมือฉันและมองไปที่ขอบทองของมัน สีที่ซีดจางดึงดูดความสนใจของเธอ “เธอคิดว่าเรามีโอกาสว่าเหล่านี้เป็นปริศนาของเรา? ว่าอาจจะ—“ เธอหยุดชั่วขณะ มองไปยังจุดที่ห่างไกลในใจของเธอ “ไม่ มันไม่ใช่ แต่อีกก็ไม่แน่ใจก็ได้ใครจะไปรู้”
ฉันมองเข้าไปใกล้ เห็นรายละเอียดที่ฉันพลาดไป มันแสดงสวนของเพอร์เซฟิโดน ดอกไม้สีฟ้าสวยงามเปล่งแสงท่ามกลางท้องฟ้าสีชมพูสดใส และนกที่มีจงอยปีกยาวแปลกๆ มีดวงตาที่คล้ายพระจันทร์หยุดมาดมกลิ่นพวกมัน วัดที่มีการประสานระหว่างพระจันทร์ใหม่ตั้งแต่อดีต เงายาวเคลื่อนไปทั่วรูปปั้นของแม่และดอกไม้ที่มีเสน่ห์ สายของพวกเขาขัดกันในอากาศกลางคืน
“แม่—มีบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่นี่! ฉันคิดว่าเรามีความเชื่อมโยงกับที่นี่!”
“ดูเหมือนว่าเธอจะมีอะไรต้องเรียนรู้เกี่ยวกับชื่อของเรา” เธอกล่าว พร้อมรอยยิ้มเย้ายวนที่ริมฝีปากของเธอ
“ฉันมีเหรอ? หมายความว่าไง? มันเป็นชื่อในครอบครัวหรือ? เป็นชื่อของพ่อมด?”
เธอหัวเราะอย่างเบามือ “ทั้งหมดนั่นแหละ”
ทันใดนั้น ก็มีเสียงจากประตูเปิดเผยพ่อของฉัน ใบหน้าของเขาสงบแต่เต็มไปด้วยความสงสัย “มีเสียงเอะอะอะไรเหรอ?”
“ไรลีย์ค้นพบสิ่งมหัศจรรย์” เธอกล่าว สายตาของเธอส่องประกาย
ฉันยิ้มกว้าง ความตื่นเต้นพลุ่งพล่านอยู่ภายในฉัน
“ทำการบ้านเสร็จแล้วเหรอ?” เขาถาม
ฉันขมวดคิ้วแล้วหัวเราะออกมา “ก็ไม่ใช่เลย”
“โอ้พระเจ้า” คิ้วของพ่อฉันขมวด “งั้นพรุ่งนี้เธอคงยุ่งน่าดูนะ”
ความปิติยินดีที่ไม่มีขอบเขตในคืนนั้นยังคงอยู่ กับการตื่นเต้นในการค้นพบปริศนา การผจญภัยของฉันเพิ่งเริ่มต้น และฉันไม่สามารถรอที่จะสำรวจมรดกที่มีเวทมนตร์ของครอบครัวฉันได้
การยอมรับความจริงที่รออยู่นั้น เป็นรูปแบบของเวทมนตร์ที่ดีที่สุดที่เราสามารถประสบได้