ในหมู่บ้านเล็กๆ ที่พระอาทิตย์ตกดินเหมือนภาพวาดในท้องฟ้า มีเด็กหญิงตัวน้อยชื่อว่า ลิลี่ ค่ำคืนหนึ่งที่สวยงามอย่างยิ่ง ลิลี่รู้สึกเหงามาก ครอบครัวของเธอได้ไปเที่ยว ทำให้เธออยู่กับคุณยายเพียงลำพัง เธอเล่นทั้งวัน แต่เมื่อความมืดเริ่มปกคลุมหมู่บ้านด้วยผ้าห่มแห่งดวงดาว ใจของเธอกลับรู้สึกหนักอึ้ง
“ทำไมฤดูร้อนต้องยาวนานขนาดนี้?” เธอส sighed ขณะมองไปที่แสงแรกของดาวค่ำ มันส่องประกายอยู่เกือบเหมือนมันกำลังฟังความทุกข์ของเธอ
เมื่อเธอเดินเล่นในสวนที่เต็มไปด้วยดอกไม้ของคุณยาย เธอลอบมองเห็นแสงแปลกๆ ที่มาจากโรงสีแอบซ่อนอยู่ที่มุมของสนาม มันรกครึ้มไปด้วยวัชพืชและพุ่มไม้ มันดูเหมือนสิ่งที่ออกมาจากนิทานเทพนิยาย ความอยากรู้อยากเห็นกระตุ้นให้เธอเดินเข้าไปใกล้ และดวงตาของเธอก็เบิกกว้างด้วยความตื่นเต้น
โรงสีเล็กๆ เปล่งแสงอ่อนๆ เหลือบระยับเหมือนขนของนกยูง เธอเห็นรอบๆ ผนังของมัน แล้วเธอก็เห็นประตูเล็กๆ ที่มักมองไม่เห็นเปิดอยู่ ภายในเป็นมวลของของเหลวสีเข้มที่มีแสงสีเงินกระจายอยู่ เธอโค้งตัวไปข้างหน้าอย่างกล้าหาญ จากนั้นแสงก็พับและกลายเป็นบันไดสีเงินที่นำลงไปยังความลึกที่เธอไม่อาจจินตนาการได้
“น่าสนใจ!” ลิลี่คิด “มันอาจนำไปสู่เหมืองทองคำ หรือแม้กระทั่งดินแดนแห่งนางฟ้า?” เมื่อคิดถึงคำว่า “นางฟ้า” เจ้าหญิงน้อยก็หยุดความฝันที่เต็มไปด้วยสีม่วงแสนยาวของเธอ
“พ่อแม่จะดีใจแค่ไหนถ้าฉันไปหานางฟ้ากลับมา! พวกเขาจะคิดว่าฉันเป็นฮีโร่” เธอคิดพลางปรบมือด้วยความยินดี
แต่เธอกลับมาที่ความเป็นจริง และความจริงเหมือนเทียนในความมืดส่องสว่างความมืดมิดในใจของเธอ “ไม่ ฉันทำไม่ได้” เธอพูดด้วยความเศร้า และค่อยๆ เดินกลับบ้าน
แต่แรงดึงดูดบางอย่างทำให้เธอเข้าไปในโรงสี และอีกอย่างทำให้เธอนั่งลงบนบันไดที่ดูเหมือนจะดึงเธอลงไปในความลึกเบื้องล่าง
“ฉันจะหยุดแค่ที่ด้านบน” เธอกล่าว “แล้วจากนั้นก็กลับบ้านไปนอน”
เธอลังเลอยู่ชั่วขณะ จากนั้นเธอเอามือไปที่กระเป๋าเพื่อสัมผัสกับเครื่องรางลึกลับที่เธอได้รับมา เธอจึงปล่อยตัวเองไป
เธอก้าวลงไปในความลึกมืดและมันวาวเรื่อยๆ แค่ครึ่งทางเธอรู้สึกมึนงง
“ไม่มีบันไดอีกต่อไปแล้ว!” เธอกรีดร้อง “โอ้ ช่วยด้วย! ฉันกำลังเข้าไปในป่ามืดแห่งแอฟริกาเหมือนที่คนส่งเอกสารบอกฉันในหนังสือขำขัน ‘ชีวิตของกษัตริย์ผิวดำในแบบ Tenti’ ที่พ่อพบรูที่ดูเหมือนประตู ไม่มีใครรู้จะช่วยฉันออกไปได้อย่างไร!”
แต่ทันที่ความคิดนี้เกิดขึ้นกับเธอ เธอรู้สึกถึงแรงกอดรัดที่มาจากไหล่ของเธอ และทันใดนั้นภาพของโซฟา เก้าอี้นวม และกระต่ายสีเขียวตัวอัดก็ลอยผ่านเธอในอากาศ
และแล้วเธอก็อยู่บนพื้นหญ้า ใบหน้าของเธอหันลงต่ำ พระจันทร์ยิ้มให้เธอและกระซิบว่า:
“มันไม่ใช่เรื่องใหญ่ คุณแค่เผลอหลับขณะมองไปที่โรงสี ในเช้าวันพรุ่งนี้ให้วางตะกร้าดอกไม้ใหญ่แทนขวดมิธริดาไว้ใต้เตียงของคุณ และมาที่นี่ วันจันทร์ตอนบ่ายโดยทันทีที่นกขุนทองกล่าวราตรีสวัสดิ์ในเวลาเที่ยงวันจันทร์ คำอำลาของนกขุนทองมักพูดภาษาอังกฤษ ดังนั้นอย่าหวั่นใจ แม้ว่าคุณจะเห็นองค์ของเขา แน่นอนว่าคุณจะทำได้ในครั้งนี้ใช่ไหม?”
เธอหยิบเครื่องรางออกจากกระเป๋า ปิดประตูโรงสีด้านหลัง และเริ่มเต้นไปตามทาง ใช่ เธอจะทำตามที่สัญญาไว้ เพียงแค่หัวใจเล็กๆ ของเธอก็เต็มไปด้วยความสุข และโอ้ความสุข! เธอได้ยินใครบางคนกำลังเดินมาทางเธอ “พ่อและแม่!” เธอตะโกน พลางปรบมือและกระโดดด้วยความดีใจ
“โอ้เด็กๆ เราเหงามากโดยไม่มีพวกคุณ!” และเธอก็กอดคอพวกเขา
“แต่พวกคุณกลับมาได้อย่างไรเร็วนัก?” พ่อและแม่ถามพร้อมกัน
เมื่อเธอเล่าให้พวกเขาฟังทั้งหมด พวกเขาหยุดทันทีและกล่าวด้วยน้ำเสียงลึก “นั่นเป็นเรื่องจริงทั้งหมด ลิลี่ และเราภูมิใจในตัวคุณ เด็กหญิงที่มีหัวใจทองคำเท่านั้นที่ถูกส่งไปโดยนางฟ้าสำหรับภารกิจแบบนี้ คิดดูสิแทนที่จะเป็นปลาผัดสำหรับมื้อเย็น เราจะทำอะไรได้หากไม่มีคุณ! ที่รัก เราไปหาของขวัญเหล่านี้มาจากไหนกัน?”
พูดจบ他们ก็เรียกบริกรและมีตะกร้าดอกไม้ใหญ่ที่คุณจะเห็นเดินนำหน้าเธอมา มันเต็มไปด้วย—จริงๆ แล้วเต็มไปด้วย—ของอร่อยทุกชนิด ที่เธอได้มาจากไหนกัน? นั่นคือคำถามเดียวกันตลอดไป แต่ไม่มีใครสามารถหาคำตอบที่ถูกต้องได้
มีเพียงลิลี่เท่านั้นที่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร และนั่นคือวิธีที่ค่ำคืนวันกลางฤดูร้อนใช้เวลาอยู่ในบ้านเล็กๆ ของพวกเขาเสมอ.