ครั้งหนึ่งในใจกลางอ่าวสายรุ้งที่เขียวขจีและเต็มไปด้วยสีสัน ที่ซึ่งต้นไม้แต่ละต้นเปล่งประกายราวกับอัญมณีที่สว่างที่สุด มีนกอะโลนรุ่นเยาว์ชื่อว่า ลิล่า จากวันที่เธอฟักออกมา เธอแตกต่างจากนกอะโลนตัวอื่นๆ ในครอบครัวของเธอ ขณะที่พี่น้องของเธอกำลังเล่นไล่จับและพยายามผสมกลืนไปกับสิ่งแวดล้อม ลิล่าก็นั่งอยู่เงียบๆ มองไปที่ดอกไม้ที่สดใสที่เต้นระบำในสายลมอ่อนของฤดูร้อน
ลิล่ามักถามแม่ของเธอว่า “ทำไมฉันถึงเปลี่ยนสีไม่ได้เหมือนคนอื่น?”
แม่ของเธอตอบว่า “เวลาของคุณจะมาถึง ลูกที่รัก”
ลิล่ามักจะฝันอยากเป็นเหมือนพวกเขา เธอปรารถนาที่จะอาบแดดในสีทองของแสงแดดกลางวันหรือตัวเองในสีฟ้าที่สงบของทะเลสาบที่เปล่งประกาย แต่เมื่อวันที่ผ่านไปเป็นสัปดาห์และสัปดาห์กลายเป็นเดือน ความพยายามของเธอก็ไม่เป็นผลเลย
เช้าวันหนึ่งที่สวยงาม เต็มไปด้วยความตั้งใจ ลิล่าตัดสินใจออกจากบ้านอย่างมีความมั่นใจ “วันนี้ ฉันจะไม่หันกลับไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น” เธอสัญญา ในเวลานั้น เธอเริ่มการเดินทางไปในสถานที่ที่เต็มไปด้วยสีสันของอ่าวสายรุ้ง
การพบกันครั้งแรกของเธอคือกับนกแก้วที่มีสีสันนั่งอยู่บนกิ่งกิ่งต่ำ “คุณเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ารักมาก!” นกแก้วร้องทัก พร้อมกับช่วงหัวของมันที่เต้นระบำสีสดใส
“ขอบคุณค่ะ” ลิล่าตอบกลับ มองลงไปที่ผิวที่จืดชืดของตน “แต่ฉันอยากมีสีเหมือนคุณ”
“ทำไมคุณถึงไม่ทำ?” นกแก้วถาม ปีกที่สวยงามของมันฟึดฟัด
“แต่ฉันทำไม่ได้!”
“คุณทำได้ถ้าคุณอยากจะทำ” นกแก้วสนับสนุน
ด้วยความหวังที่เบ่งบานในใจ ลิล่าหยิบตาขึ้นและพยายามเปลี่ยนสี แต่เมื่อเปิดตามา เธอก็ยังคงเหมือนเดิม รู้สึกถึงน้ำหนักของความผิดหวัง เธอจึงเดินต่อไปด้วยความมุ่งมั่นแต่สิ้นหวัง
ต่อมา เธอได้พบกับยูนิคอร์นที่กำลังเล็มหญ้าในท้องทุ่งที่เต็มไปด้วยดอกไม้สีสันสดใส
“คุณเป็นนกอะโลนที่น่ารักมากลูกน้อย!” ยูนิคอร์นกล่าว ชูเศษขนของเขาอย่างมีเสน่ห์
“ขอบคุณค่ะ” ลิล่าตอบ “แต่ฉันอยากส่องแสงเหมือนคุณ”
“ทำไมคุณถึงไม่ทำ?” เขาถามซ้ำ ขณะย่อเขาไปที่หัวหน้าส่องแสงของเขา
“แต่ฉันทำไม่ได้!” ลิล่าตอบ น้ำตาคลอเบ้าในตา
“คุณทำได้ถ้าคุณต้องการจริงๆ” ยูนิคอร์นกล่าวอย่างอ่อนหวาน
เมื่อรู้สึกถึงอีกหนึ่งแสงแห่งความหวัง ลิล่าหลับตาแน่นและนึกภาพตัวเองเปล่งประกายเป็นสีทองสดใส แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น แม้ว่าเธอจะรู้สึกท้อแท้ เธอก็ยังเดินต่อไป ด้วยความหวังที่จะเปลี่ยนสีไปให้ครบทุกเฉด
โดยเดินต่อไป เธอได้พบกับเต่าแก่ที่ฉลาดที่นั่งอาบแดดอยู่บนก้อนหิน
“สวัสดีค่ะ ลูกน้อย! อะไรทำให้เจ้ามาที่นี่ไกลบ้าน?” เขาถามด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน
“ฉันอยากเห็นโลก” ลิล่าตอบ “แต่ตอนนี้ฉันอยากเรียนรู้วิธีเปลี่ยนสีเหมือนคนอื่น”
เต่าตามบทบาทของเธอแล้วจึงตั้งคำถาม “นกอะโลนตัวน้อย คุณเคยคิดไหมว่า คุณอาจไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้น?”
“แต่ว่าทุกคนทำ!” ลิล่าชี้แจง
เขาขำเบาๆ “ถ้าสีสันของโลกทั้งหมดจะรวมกันอยู่ในที่เดียว คุณไม่คิดเหรอว่าอาจจะมีความสดใสมากเกินไป? คุณควรยืนหยัด ปลูกต้นหอมของตนเอง โลกนี้อาจสวยงามมากขึ้นถ้าคุณเป็นตัวของคุณเอง”
ลิล่าคิดต่อไปตามคำกล่าวของเขา ในขณะที่เธอเดินต่อไปสู่จุดหมายสุดท้ายในวันนี้ คือน้ำไหลที่สวยงามและสง่างาม เธอมองเห็นภาพสะท้อนของเธอในน้ำและถอนหายใจอย่างลึกซึ้ง “ฉันจะทำอะไรได้บ้างเพื่อที่จะเป็นเหมือนคนอื่น?” เธอกล่าว
ทันใดนั้น ลิล่าจำได้ถึงคำพูดของแม่เธอที่เคยบอกไว้ “เวลาของคุณจะมาถึง ลูกที่รัก” แต่เมื่อไหร่? เมื่อกลับบ้าน เธอมีความคิดว่าจะนั่งอยู่ท่ามกลางพวกเขาและร้องไห้เบาๆ
ในค่ำคืนนั้น ขณะที่ดวงดาวเริ่มเปล่งประกายบนท้องฟ้าที่ลึกซึ้ง มีเหตุการณ์มหัศจรรย์เกิดขึ้น ลิล่ารู้สึกถึงแสงทองอบอุ่นล้อมรอบตัวเธอ เธอกำลังเปลี่ยนสี! เธอกลายเป็นสีทองที่สดใสและแล้วก็บนเหลืองนุ่มนวลจากนั้นไลแลกกับสีม่วงที่สวยที่สุด ร่างกายทั้งหมดของเธอเปล่งประกายใต้แสงจันทร์ กลายเป็นสีขาวที่สดใสที่สุด
เมื่อเธอหมุนตัวและเต้นรำ เธอได้กลายเป็นแก่นของโลกที่สวยงามรอบตัวเธอ สะท้อนความงดงามและสีสันที่บรรทุกอยู่ในตัวเธอ ตั้งแต่นั้นมา ไม่ว่าสถานที่ไหนที่เธอเดินไป เธอจะเปล่งประกายด้วยแสงที่มีสีสันถึงพันสี แต่ละสีแสดงถึงความงามของมันตามลำดับ
เช้าต่อมาขณะที่เธอนั้นอาบแดดอยู่ ลิล่าบังเกิดรอยยิ้มเปล่งประกายให้กับผิวที่มีสีสันตลอดกาลและกระซิบว่า “ขอบคุณ!” หัวใจของเธอเปล่งปลั่งกว่าสีของเธอเองแต่จึงทำให้เธอรู้ว่าความสวยงามในตัวเองยิ่งใหญ่เพียงไหน แม้ว่านกแก้ว ยูนิคอร์น และเต่าจะลืมการพบกันกับเธอในท้ายที่สุด แต่เธอจะจดจำตลอดไปว่า เต่าผู้มีสติปัญญาได้แบ่งปันกับเธอไว้
เมื่อคุณยืนออกมา ความเป็นตัวของตัวเองคือสีที่สดใสที่สุด
“จงเป็นตัวของตัวเอง แล้วคุณจะเปล่งประกาย”
และด้วยความเข้าใจนั้น ลิล่าจึงมีชีวิตอย่างมีความสุขตลอดไป โดยกระเซ็นสีของเธอไปบนพรมปูผืนสีสันที่สดใสของอ่าวสายรุ้ง