ในบ่ายที่สดใสในหมู่บ้านเล็กๆ ข้างป่าลึกลับ ลาร่า นักผจญภัยเต็มไปด้วยความตื่นเต้นเมื่อเธอรวมกลุ่มกับเพื่อนสองคนที่ดีที่สุดของเธอ มาลิกและมีอา เรื่องราวเกี่ยวกับสมบัติที่ถูกฝังลึกในป่าได้เข้าหูพวกเขา และวันนี้คือวันที่พวกเขาจะออกตามหามัน
“แต่เราจะหามันได้ยังไง?” มาลิกถามด้วยความสงสัย ปรับแว่นตาเพื่อมองแผนที่ที่อยู่เบื้องหน้า
ลาร่ายิ้ม ปรากฎความมั่นใจในดวงตาของเธอ “คุณยายในหมู่บ้านบอกว่ามันจะเปล่งประกายเหมือนพระอาทิตย์ในเวลากลางวัน เราแค่ต้องมองหาหลักฐาน!”
มีอา ผู้ที่เต็มไปด้วยความฝัน หมุนไปรอบๆ ในชุดที่พลิ้วไหว “และเราจะเห็นสิ่งมีชีวิตเวทมนตร์ทั้งหมดใช่ไหม? นางฟ้า สัตว์พูดได้—ทุกอย่าง!”
“ใช่ ใช่ ทุกอย่าง,” มาลิกกล่าวพร้อมหัวเราะ “ถ้าคุณฟังให้ดีเสียงลม มันจะบอกความลับของต้นไม้”
ด้วยลมหายใจที่ตื่นเต้น พวกเขาข้ามขอบเขตของป่า ที่ซึ่งใบไม้กระซิบเรื่องราวจากอดีต ป่าเป็นเหมือนชีวิต ลายเส้นของเสียง: นกที่ร้อง, ใบไม้ที่กระทบกัน และในที่ห่างไกล เสียงกระแสน้ำไหล
เมื่อพวกเขาเดินลึกเข้าไป หยดน้ำเริ่มเปล่งประกายในแสงที่จางลง สะท้อนส่องสว่างซึ่งจะนำทางพวกเขา รอยเท้าหมายถึงสิ่งมีชีวิตมหัศจรรย์ที่ใกล้เคียงให้เห็น อยู่ๆ มาลิกก็หยุด ลงไปดูพื้นดิน
“ลาร่า ดูนี่สิ!” เขาบอก ชี้ไปที่รอยเท้าที่แปลกประหลาดที่ผสมกับรอยเท่าของกระต่าย “คุณคิดว่ามันจะพาเราไปไหน?”
“ไปยังดินแดนสายรุ้ง” มีอาตอบทันที “ที่ตามสายฝนและดื่มแสงจันทร์!”
เสียงหัวเราะดังก้องในกลุ่ม ทำให้ความตึงเครียดที่เหมือนกับการเดินที่ดูน่ากลัวหายไป ลาร่ารู้สึกว่าหัวใจของเธอสว่างไสว ความท้าทายที่ดีที่สุดคือการเผชิญหน้ากับเพื่อน
ทันใดนั้น ความสงบถูกทำลายด้วยเสียงกระทบที่ดังใกล้ๆ สามคนหันไปตามเสียงนั้น ดวงตากว้างขึ้น หัวใจเต้นแรง ผ่านไปชั่วขณะ และจากนั้น สิ่งที่พวกเขาเห็นก็คือ สัตว์ที่ไม่เหมือนใครที่พวกเขาเคยเห็นมาก่อน ซึ่งผสมผสานระหว่างกระต่ายและบางอย่างที่พวกเขาไม่สามารถบรรยายได้ มันตบหูใหญ่ของมันและมองมาที่พวกเขาอย่างสนใจ
“คุณคือผู้ที่กำลังมองหาสมบัติใช่ไหม?” มันถามด้วยเสียงที่ราบเรียบอย่างไม่น่าเชื่อ
“ใช่!” พวกเขาตอบด้วยความตกตะลึง
“ตามมาหาฉัน” มันพูดและกระโดดออกไป มองไปที่ด้านหลังเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาอยู่ใกล้ๆ พวกเขาตามมันไป ผ่านทางที่เป็นเสมือนเส้นทางของแสงที่พาพวกเขาเข้าไปในใจกลางของป่า
ไม่นานพวกเขาก็มาถึงพื้นที่สว่างโดยแสงจันทร์ ในกลางพวกเขามีทองคำอยู่กองหนึ่ง แวววาวใต้ดวงดาว เป็นภาพที่จะไม่ถูกลืม แต่เมื่อพวกเขาเข้าใกล้ ลาร่าหยุดลง มีความคิดผุดขึ้นมาในหัวของเธอ
“ทองคำทั้งหมดนี้จะมีประโยชน์อะไรถ้าเราอยู่คนเดียว?” เธอถาม หันไปหามิตรทั้งสอง “สมบัตินี้ควรจะแบ่งปันกับทุกคน เรามาเอาแค่สิ่งที่เราต้องการกันเถอะ”
มาลิกและมีอายิ้มเห็นด้วย พวกเขารวบรวมเพียงไม่กี่เหรียญใส่ถุงก่อนที่จะกลับไปที่หมู่บ้าน ในวันถัดไป พวกเขาชวนคนในหมู่บ้านทุกคนใกล้และไกลไปที่ป่า ที่ซึ่งมีเรื่องราวและเสียงหัวเราะ สร้างเทศกาลของความอบอุ่นและความเมตตา
เมื่อค่ำคืนลงมา ลาร่า มาลิก และมีอานอนอยู่ใต้ดาว หัวใจเต็มไปด้วยความยินดี ทองคำเปล่งประกายเหมือนดวงอาทิตย์ แต่พวกเขาได้ค้นพบว่ามิตรภาพที่มีค่าเป็นสมบัติที่แท้จริงของชีวิต และจากวันนั้นเป็นต้นมา เรื่องราวของลาร่าและสมบัติในป่าถูกส่งต่อไปยังรุ่นต่อรุ่น พร้อมกับบทเรียนเกี่ยวกับความกล้า มิตรภาพ และสาระที่แท้จริงของสมบัติ