เมื่อดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า ปล่อยเงายาวบนหินโบราณ เด็กชายอัจฉริยะชื่อแจสเปอร์ยืนอยู่เพ่งพินิจสิ่งที่น่าสนใจอยู่เบื้องหน้า—กุญแจขนาดใหญ่ที่ถูกฝังอยู่ในกองใบไม้แห้ง รอยสนิมประดับอยู่ทั่ว และมันก็งดงามอย่างน่าประหลาดในยามเย็นอันสดใส
“เจ้าจะเป็นของสิ่งใดกันนะ?” แจสเปอร์ตั้งคำถาม มันดูเป็นปริศนาเพราะไม่มีประตูหรือกล่องอยู่รอบๆ มันว่างเกินกว่าเป็นกุญแจที่เคยเห็น และเขาไม่สามารถช่วยที่จะลองดูก่อน ซึ่งเขาก็ไม่มีความหวังว่าจะปลดล็อกอะไรได้
เขานำมันกลับบ้าน; เขาคิดว่าคงไม่มีอันตรายอะไร และอาจจะเปิดอะไรได้ในสักวันหนึ่ง เดือนผ่านไป แจสเปอร์เริ่มเสียใจที่เคยเก็บมันไว้เมื่อวันหนึ่งเขาคิดว่ามีประตูอยู่ในซากปรักหักพังบนเขายิ้มหรือที่ดูเหมือนลักษณะของรูกุญแจใหญ่ และเขาก็ตัดสินใจที่จะลองเปิดดู
ดังนั้นเขาจึงเดินขึ้นไปบนเขา นำกุญแจออกมาในมือ และแน่นอนว่ามันพอดีอย่างสวยงามในประตูของกำแพงที่กำลังพังทลายไม้โอ๊คโบราณซึ่งถูกล็อคด้วยตัวล็อคเหล็กใหญ่ แจสเปอร์หมุนกุญแจ ตัวล็อคมีเสียงดังเอี๊ยดอ๊าด แต่ก็เปิดออก และเขาเข้าไปในซากปรักหักพังอันมืดมิดเบื้องหน้า
เขาตั้งคำถามว่าตนเองตื่นอยู่หรือไม่? แน่นอนว่าตื่น แต่ทุกอย่างดูแปลกประหลาด อากาศสดชื่นและเย็นสบาย เขารู้สึกถึงหญ้าสีเขียวใต้เท้า แต่ทุกสิ่งรอบตัวเขาดูเต็มไปด้วยความลึกลับ
เขารู้สึกเหมือนยืนอยู่ในปราสาทต้องมนตร์ ข้างหน้าเขามีบ่อน้ำหินอ่อนที่มีสีขาวของลิลลี่บานอยู่ ซึ่งขึ้นสวยงามจากด้านข้างของหินอ่อน; ทางขวามีลำธารเงินไหล ผปลาเล็กๆ กำลังเล่นอยู่ในน้ำ และไหลต่อไปผ่านต้นไม้สูง; ทางซ้ายมีทะเลสาบเรืองรองอยู่ห่างออกไปเต็มไปด้วยย่าหลดและผักตบชวา
ที่ที่แจสเปอร์ยืนอยู่ นกกำลังร้องเพลงด้วยเสียงหวาน ดอกไม้กำลังเบ่งบานอย่างงดงาม และดวงอาทิตย์ส่องแสงสว่างบนท้องฟ้าสีฟ้าลึก โดยไม่มีเมฆใดๆ แต่ไม่มีผู้คนอยู่ที่นั่น แจสเปอร์เดินต่อไป ข้างหน้าเขามีทางเดินโค้งไปยังน้ำ เขาฟังเสียงน้ำไหลอย่างระมัดระวัง เขาสามารถได้ยินเสียงน้ำรินไหล และเสียงนกร้อง แต่ไม่มีเสียงอื่นใดที่ทำลายความเงียบสงบ
เขาควรทำอะไรต่อไป? เขาเห็นเรือใหญ่ถูกจอดอยู่ที่ฝั่งใกล้ที่สุด และขณะที่เขาฟังเสียงแห่งชีวิต เขารู้สึกว่าเขาตั้งใจจะเข้าไปในเรือและลอยอยู่บนน้ำสีฟ้าที่ใสสะอาด
เขาลอยไปอย่างสบายใจ มองขึ้นไปที่ต้นไม้ใหญ่ เอนตัวนิดหน่อยไปตามกิ่งก้าน ใบไม้ที่แยกตามแดดดูเหมือนผ้าทออยู่เหนือเขา
แต่มันไม่มีสัญญาณของชีวิตปรากฏให้เห็น อาจจะมีนางฟ้าหรือคนแคระอยู่รอบๆ และเขามีคำถามมากมายที่เขาอยากจะถามพวกเขา คนส่วนใหญ่คงรู้สึกประหม่าและต้องการกลับบ้าน แต่แจสเปอร์ชอบที่จะอยู่คนเดียวในดินแดนลึกลับนี้ และเขาเดินไปตามที่เขาต้องการ โดยไม่กลัว เหมือนมันเป็นสิ่งที่ธรรมดาที่สุดในโลก
ในที่สุด เมื่อรู้สึกเหนื่อยและกระหาย เขาขยับเข้าไปที่ฝั่ง เขาเห็นน้ำที่ไหลเย็นไหลจากกลุ่มไม้เลื้อยบนหน้าผาที่มีมอสและดอกไม้ขึ้นอย่างหนาแน่น และที่นั่น เขาคิดว่าด้วยท่าทางก้มต่ำ เขาสามารถแยกแยะได้เล็กน้อยว่าเป็นใบหน้าที่ยาว รูปทรงแปลกประหลาดซึ่งถูกครอบด้วยใบไม้เลื้อย
“มันเป็นไปได้หรือ?” แจสเปอร์กล่าวกับตัวเองอีกครั้ง; “เป็นการ์ตูนต้องมนตร์หรือเปล่า? แน่นอนว่ากษัตริย์ผู้ชรา หรือยักษ์ที่ร่าเริงจะไม่สามารถนอนนิ่งได้ตลอดไป โดยไม่เห็นว่ามีใครมาจอดที่น้ำใต้เขา?”
เขานั่งลงบนก้อนหินใกล้ๆ โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะนั่งดูว่ารูปนั้นจะขยับไหม ใบหน้านั้นช่างมีลักษณะประหลาด—จมูกยาวและอวัยวะที่มีลักษณะขนาดใหญ่อย่างชัดเจน; แต่เมื่อหลังจากนั้นมีเสียงกรนดังขึ้น รูปนั้นก็เริ่มกรนเสียงดังขึ้น ทุกข้อสงสัยก็หมดไป มันเป็นเพียงคนเก่าที่ดื่มเบียร์หรือเครื่องดื่มหนักมากเกินไปและไม่สามารถหาที่นอน จึงนอนหลับในมุมที่ไม่สะดวกนี้!
เมื่อแจสเปอร์แน่ใจเช่นนั้น เขาลุกขึ้น รู้สึกเหนื่อยและหิว เขากลับไปที่ประตูต้องมนตร์ใหญ่ และเริ่มต้นกลับบ้านอย่างรวดเร็ว โดยสัญญากับตัวเองว่าจะกลับไปเยี่ยมอีกในวันถัดไป โดยมีท้องว่างและมีใจพร้อมสำหรับการผจญภัย
อย่างไรก็ตามท้องของเขายังว่างเกินไปที่นางฟ้าจะไม่เห็นเงายาวสีดำของเขาเมื่อเขาทรุดตัวลงในพลบค่ำ ใครจะรู้อะไรได้ อย่างไรก็ตามเมื่อไปถึงในวันรุ่งขึ้น—แจ่มใสแต่เช้า—ที่ธนาคาร เพื่อตรวจสอบว่าคนแก่คนนั้นถูกพัดพาไปด้วยอาการเมาสุราหรือไม่ เขากลับพบทั้งชาย คนเรือไม่มีเลย ไม่มีกระแสน้ำหรือฝั่งใดๆ!
แจสเปอร์ข่วนหัวอย่างหมดหวังและมองไปรอบๆ ในทุกทิศทาง แต่ก็สูญเปล่า เขาจึงมีโชคดีเพียงอย่างเดียวคือการนำกุญแจต้องมนตร์นี้ไปด้วย ซึ่งคงไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่คงเป็นความฝันของเขาทั้งหมด
ไม่ กุญแจนี้มันจริงพอสมควร! มันอยู่ในกระเป๋าของเขา เป็นสิ่งโบราณพอสมควร ถึงแม้ทุกคนอาจรู้สึกหนาวถึงหัวแม่เท้าถ้าหากมีใครสะดุดมันในความมืด อย่างไรก็ตาม มีเรื่องหนึ่งที่แน่นอนว่ามันจะต้องเป็นของสิ่งใดสิ่งหนึ่งในที่สุด นั่นเป็นประเด็นที่เขามั่นใจมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกชั่วโมง
และแล้ววันก็ผ่านไปโดยไม่มีการผจญภัย—ถึงแม้จะเป็นสัปดาห์หนึ่ง เศร้าสลด มีทั้งแสงแดดและฝนที่ไม่ตกเลย โลกทั้งใบดูยุ่งเหยิงมากเกินไป แต่ดินก็ยิ่งยุบลึกซึ้งขึ้นเรื่อยๆ
แมรี่ มอร์ริส ลูกสาวของชาวโรงสีจากฝั่งตรงข้าม มาที่มาเพื่อชมดอกกุหลาบสวยในสวนของแม่แจสเปอร์; แต่มันมีเพียงเธอที่มาที่นี่—ไม่มีใครอื่น—เพราะไม่ว่าจะแห้งแล้ง เตรียมฟาง หรือรีดขนแกะ ดูเหมือนว่าทุกคนจะยุ่งมาก และมันก็ร้อนเกินไปที่กษัตริย์อาร์เธอร์จะเดินไปยังท้องฟ้า
สาวสวยที่ชื่อแมรี่ มอร์ริส! รองเท้าเธอ เบา เสื้อผ้าสีน้ำเงินผ้าเป็นลินิน ที่มีคอเปิดตรงใต้คอ เธอสวมช่อดอกมะลิขาวกับพื้นดำในผมของเธอ
แมรียืนอยู่ในบริเวณเล็กๆ ที่เปิดออกไปสู่ถนนจากบ้านของแจสเปอร์ เธอถือเส้นด้ายหมายยาวหกหลาในมือหนึ่งเพื่อย่างมันฝรั่ง และในมืออีกข้างหนึ่งถือขนมเค้กยาวหนาๆ ที่มีร่องรอยการไหม้ในด้านหนึ่ง
“ตอนนี้อย่าเป็นอย่างคนดีของแลนนิธานนะ” เธอกล่าวกับแม่. “แค่ไปที่พ่อของฉัน ชาวโรงสี เพื่อซ่อมแซมอะไรสักอย่าง หรือเพื่อดูงานแต่งงานหรือการตั้งชื่อที่โบสถ์เก่า—ริมแม่น้ำ แม่รู้นะ ริมสะพาน—แต่คนทุกคนดูจะรำคาญไปตลอดงานเลย ทำไมพวกเขาไม่มาที่นี่? โอ้! พวกเขาไม่ว่าง; หรือว่าอาจจะเบื่อเสียงดนตรีหรือเสียงรบกวนกันอยู่? ฉันเองก็ไปที่นั่นเมื่อสัปดาห์ที่แล้วกับอีไล ฉันชอบนะ ทุกคนไปที่นั่นยกเว้นคุณ และฉันเอง”
“เย็นนี้คุณจะมาที่โบสถ์ของพวกเราหรือเปล่า?” แจสเปอร์ถาม
“แน่นอน; ฝนหรือเสียงลมก็ไม่สามารถห้ามฉันได้ แม่พาร์คเกอร์จากลูวิมอรี—ฉันหมายถึงเบลลาไม—อยากจะพบคุณทุกคน คุณรู้นะเธอแก่แล้ว ฝนจะตกหรือเปล่า?”
แมรี่มองขึ้นไปอย่างไม่แน่ใจในชั่วขณะ แล้วก็ยัดขนมเค้กเข้ากระเป๋า “แม่สู่แม่ทำให้เราทุกคนมารวมตัวกัน แม้ว่าจะเพียงชั่วโมงเดียว คุณมีข่าวอะไรหรือเปล่า?”
“ไม่มีการผจญภัยมาเป็นสัปดาห์แล้ว”
แต่ทันทีที่แมรี่กลับไปที่บ้านในยามพระอาทิตย์ตก ฟ้าก็มีสายฝนที่สวยงามเข้ามาปกคลุมดินแดน และฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง
“ฮึ!” แจสเปอร์พูดกับตัวเองประมาณสองทุ่มเย็นวันนั้น “จะมีฝนมากพอเมื่อฉันยืนอยู่ในที่นั่งของโจ ฟิลิปส์ที่ลูวิมอรี ติดอยู่บนหญ้าที่เปียกน้ำ น้ำออกจากส้นเท้าของฉัน!”
แต่ในวันรุ่งขึ้น โชคดีมากพอว่า จอร์จ โธมัส รู้สึกไม่สบายได้มอบที่นั่งให้เขาเมื่อแมรี่มาที่มีตะกร้ามาเพื่อพาเขากลับ แมรี่ไม่รอแม้แต่หนึ่งนาที แต่กลับไปที่อีไลภายในหนึ่งชั่วโมงหลังจากเจ็ดโมงเช้า เธอจูงม้าเขาไปตามบังเหียน
และเช้าต่อมา ก่อนที่แสงจะสลัว โลกทั้งใบก็ดูเหมือนจะเป็นสีทองอีกครั้ง
“มันถูกกำหนดอยู่แล้ว” แจสเปอร์คิด “เพราะไม่มีปัญหาใดๆ ที่ไม่มีทางออก ถ้าใครรู้และมองเห็นวิธีจัดการ”
แนวคิดนี้ทำให้เขานึกถึงหลายๆ สิ่งและเหตุการณ์ที่เขาเคยได้ยิน จนในที่สุดพลังงานของเขาก็หลับไปในช่วงของความคิดเหล่านั้น
เขาได้ตัดสินใจว่าจะแก้ปัญหาอย่างไรในวันนี้และวันถัดไป; และเขาจะบรรยายอย่างถูกต้องว่าตนเห็นอะไรหลังจากช่วงเวลาแห้งแล้งในดินแดนของเขา; ระหว่างที่เขาหลงใหลอยู่ในความคิดที่ซึมซับและขณะที่ปัญหาในใจถูกนำเสนอ มีผู้ชายตาโตคนหนึ่งพาเข้าไปโดยมีอีกคนที่ระมัดระวัง แต่อย่างไรก็ตามทำตัวให้มั่นใจในตัวเขาเอง ในขณะที่ทุกอย่างมันก้าวไปอย่างแน่นอน
บุคคลที่ขยับตัวออกจากกลุ่มคนในขณะที่คนที่ตื่นเต้นพยายามก้าวต่อสู้ในรูปแบบที่รุนแรงอย่างมืออาชีพกับแต่ละจุด และไม่นานหลังจากนั้นพวกเขาก็หลุดพ้นจากการใกล้ชิดของกันและกันด้วยยาวสวย ทั้งที่อีกไม่กี่ๆ วัน เขาคิดว่าขอให้เขาพูดให้เร็วขึ้นเพื่อให้เสร็จสิ้นธุรกิจ
แต่มันมีเรื่องที่ต้องพูดอย่างที่เราพูดไปต่อต้องการเป็นที่พูดคุยกันอย่างมีความใจดีซึ่งอาจจะมีหลายอย่างที่นัยน์ตาของตัวเองสังเกตเห็น ข้อมูลต่างๆ นั้นได้กล่าวชัดเจน
“เพื่อนรักและลูกพี่ลูกน้องจากฝั่งแม่น้ำ จอร์จ ฮานเซล ผู้ที่ถูกให้โอกาสและจะเดินทางไปที่ฟิรี คราย ผู้ซึ่งทรงระดับอุดมศึกษาที่ใกล้เยอะแยะเพียงแต่ระยะสั้นจากเรา! มารยาทอาจมีในดินแดนที่สวยงามกลางเส้นศูนย์สูตร อาจมีเรื่องของแมลง หมู และซากเรือ และสถานการณ์ที่เลวร้ายกับฮ็อตเทนท็อต ตอนนี้มันถึงวาระของฉันแล้ว! ขออภัยนะ! ระยะใกล้เกินไปสำหรับเพื่อนบ้าน!”
ก่อนที่ใครจะมีเวลาเห็นสิ่งที่เขากำลังทำ จอร์จ ฮานเซลก็วิ่งหนีออกไป
เนื่องจากไม่มีข่าวจากทั้งจอร์จหรืออีไล วันถัดมา แมรี่มาตื่นขึ้น เมื่อหมอและคนอื่นๆ หลายคนยังต้องอยู่เพราะปวดหัวต่อเนื่องจะต้องทำธุรกิจที่อื่นเกี่ยวกับเวลส์มากกว่าที่อังกฤษ—เธอตื่นขึ้น ฉันพูดว่า เวลาเที่ยงตรงวันพุธ ซึ่งเธอยืดตัวและหาวอย่างมาก; และเมื่อเปิดนัยน์ตาของเธอ แสงอาทิตย์ลอยน้อยในที่นอนของเธอทุกอย่างทำให้เธอรู้สึกเหมือนมีคนก่อกวนบริเวณใต้ผ้าปูที่นอนที่สะอาดเป็นเวลาเกือบครึ่งชั่วโมงเพื่อให้มันสบายมาก—ทั้งหมดนั้นเธอรู้สึกเหมือนอยู่บ้าน
แต่ความแปลกประหลาดเกิดขึ้นอย่างชาญฉลาดตลอดทั้งวันและเย็นที่ตามมาหลังจากอาหารเช้า
เก้าอี้ที่มีสิ่งไม่ดีแฝงอยู่ในตัวเองและด้วยการปล่อยที่รุนแรงสิ่งเลวร้ายทั้งหมดที่ดูเหมือนจะถูกสั่งในการขยายออก
เพราะแมรี่รู้เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น เธอจึงอย่างเงียบๆ ถอดหมวกสีเขียวเตรียมที่คลุมด้วยน้ำมันเด็กชายอีไลออกไป หมาย์ก็ดีถอดออกมากับหลานของเขา รักเจ็บยาก และมองไปรอบ ๆ หญิงสาวมักกลับไม่ค่อยเตรียมตัวอย่างที่เขาเห็น ตราบใดที่หนึ่งในหญ้าผยองมากที่สุดในดินแดน
ในวันอาทิตย์แรกที่เขามาถึง บรรดาผู้เข้าร่วมการประชุมอาจได้รับเสียงเล็กน้อยขณะเดินบนพื้น; ขณะที่แจสเปอร์เข้าใกล้แม่ของเขาที่ใจเต้นแรงเพราะเดินตามไปข้างหลัง ผู้คนหนาแน่นอย่างไม่ธรรมดาในช่วงที่เขารู้สึกได้ต่อหน้า 40 หมา แกะดำ แกะที่ร้อนและมีเศษลอยได้ทุกที ซึ่งในที่สุดคนอยู่ในที่นั้นรับรู้แล้ว
จอร์จได้อยู่ในโรงสีนี้ตลอดทั้งสัปดาห์ ซึ่งทำให้น้อยลงโดยไม่กำหนดความผ่องใสของแมรีและนั่นนำไปสู่ความสนใจ
เขาจะลาทีไปหลายยาวๆ ขณะที่คนที่หรือนำผู้ยากใหม่นั่นเป็นเรื่องปกติอย่างหนึ่งแต่ที่เหลือ มลรัฐนั้น retorsใบหน้าที่ถูกลบมันด้วยการตระหนี่อย่างมากแก่สิ่งแปลกๆ
ขณะที่กล่าวถึงสิ่งที่เขาทำในประเทศเวลส์ พวกเขาเติบโตเป็นกลุ่มหนึ่งเพื่อรวมกันในทุกสิ่งที่มีกับนักเดินทางที่กลับมา; แต่แมรี่ไม่พูดถึงคำถามเหล่านี้ที่ทั้งสองติดตามกับคนปินองก็จะแถลงวันนี้
“บอกกันด้วยมั้ย” เธอบอกว่า “ฉันต้องการฟังจากคุณเกี่ยวกับเรื่องที่น่าสนใจมากมาย”
แต่ในขณะที่เธอกร่ำเหมือนว่าคุณภาพผันแปรหายไปในโลก ประสบการณ์ที่น่าเบื่อระหว่างแสงฤดูร้อนในวูบวาบนี้จะยิ่งทำให้ทุกคนพูดเร็วขึ้นอย่างไม่ผ่อนคลาย
“มีอะไรอีกหรือ? คุณหมายถึงอะไรที่สามารถนำเสนอที่นี่?”
คำพูดนั้นสะท้อนว่าทำให้กลายเป็นการอธิบายเที่ยวบินของมนุษย์ที่กำลังสูงในทางการติดต่อแบคทีเรียทำให้เปิดพานพุ่มและมีการทำงานเช่นคลื่นอันแสนน่าอัศจรรย์ ถึงธนาคารมั่นคงเพื่อติดต่อกับเรื่องเหล่านี้
ถึงแม้ว่าเวลาอาจมีความกว้างใหญ่ต่บนดินแดนแต่การทำภาษีในพื้นที่ในขณะทำธุรกิจที่นี่ยังต้องสะท้อนไปอย่างด่นำไปด้วย และชีวิตก็จะฟัง
ดังนั้นด้วยทั้งหมดนี้ทั้งในพื้นที่ต้องเฝ้าระวังให้ฉลาด ลูกๆ ของผู้คนดูแล้วเดินทางกลับทั้งหมดได้วิ่งอย่างได้รับการผูกพัน สุดท้ายได้กลายลำเยอะๆ ให้สามารถทำธุรกิจเคลื่อนที่ได้และระมัดระวังอย่างเต็มที่ ไร้ทิศทาง
ทั้งหมดนี้เพื่อให้มีผู้คนที่มีเหตุดีเข้ามาในสิ่งที่อาศัยอยู่หนึ่งต่อกันได้โดยไม่มีอะไรที่ยากจะเลื่อนลอยออกจากความจำเป็น พิจารณาเสียงสูงที่กลุ่มวัยรุ่นช่วงอายุตราบเท่าที่มีแต่รวมแรงใจในการคว้าทางรถไฟ สำหรับหนทางให้คนลดบ่อยไป
รายการนี้แสดงตัวตนของบ้านรวบรวมตำนาน เพื่อนบ้านที่บ้าคลั่ง คำพูดคลั่งในที่สุด และยังไม่รู้เหมือนขี้อวดของทุกคนที่จากไปโดยไม่สนใจ
พระเจ้าเป็นอีกอย่างหนึ่งที่จะไปทำงานในการติดการสร้างการสรรเสริญในสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เห็มสุกใสกว้างสามารถพบได้ทุกที่อตก เวลาที่ล้อมเล็กๆ ฉันจึงต้องการให้มีบ้างทำสิ่งที่สำคัญที่บอกไป
เขาจึงได้ขยับคนอ่อนที่คิดเรื่องการตัดสินใจที่น่าพิศวงมาก จังหวะแแรกตลอดวันก่อนที่ใครอื่นจะทำได้วางไม่เป็นกิจการที่แปลกและโหดร้าย!
ปิดความเป็นไปได้ที่ชื่อบ้างจะหล่อหลอมผองเพื่อนของแก๊งข้างทางได้อย่างเท่าเทียมกันตามมาร่วมรูปแบบและเป้าหมายที่สามารถทำได้ในประเด็น ให้ทุกเป็นหนึ่งจะมีความกลัวกันอยู่
ความแตกสากควบคือแค่ความอาจใจฝากบนวิถีชีวิตที่จริงจัง แต่พวกเขาหรือคนอย่างไรธรรมดาในเวลานี้
ดังนั้นไปห้ามปรามจนอาจถูกเรียก และข่าวว่าเพื่อให้ใครสนไป ที่มีจริงๆ ผู้ดีที่จะไปห้ามปรามทั้งหมดที่เป็นได้ในทุกๆ วันมาเขาอาจไปแล้ว(ตาดีกระจาย)