กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในโลกที่ไม่ห่างไกลจากโลกของเรา มีเด็กชายผู้กล้าหาญชื่อฟินน์ ในค่ำคืนที่งดงามขณะที่ดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า เขายืนอยู่ที่ขอบของโลก บนยอดเขาสูง หุบเขาข้างล่างถูกบดบังด้วยเงา แต่ยังคงมีเสน่ห์อย่างแปลกประหลาด ขณะที่แสงอาทิตย์ลาลับไป สายลมอ่อน ๆ ก็พัดผ่านผมของฟินน์ และเขารู้สึกถึงความปรารถนาที่จะผจญภัยในใจ
แต่ค่ำคืนนี้จะนำเสนอการผจญภัยในแบบที่แตกต่างออกไป ขณะที่ฟินน์มองเข้าไปในความลึกลับด้านล่าง การเคลื่อนไหวอย่างกระทันหันดึงดูดความสนใจของเขา ออกมาจากหลังก้อนหินคือมังกรตัวหนึ่งซึ่งยิ่งใหญ่และงดงามไม่เหมือนที่เขาเคยฝันถึง เกล็ดของมันเปล่งประกายในแสงที่กำลังจางหาย—เฉดสีม่วงอ่อนและฟ้าเข้ม
หัวใจของฟินน์เต้นแรง ไม่ใช่จากความกลัว แต่เป็นความตื่นเต้น “สวัสดีครับ!” เขาร้องเรียก มังกรตัวใหญ่นั้นสะดุ้งและถอยกลับเข้าไปในเงา ฟินน์ไม่สามารถให้ความกลัวทำให้สัตว์ตัวนี้ต้องซ่อนตัวอยู่เช่นนี้ เขาจึงเดินเข้าไปใกล้
“ไม่ต้องห่วงนะ ฉันจะไม่ทำร้ายเธอ!” ฟินน์พูดอย่างนุ่มนวล มังกรที่โผล่หัวออกมาจากที่ซ่อนดูเหมือนจะมีความอยากรู้อยากเห็นมากกว่าความกลัวเมื่อเด็กชายผู้กล้าหาญเข้าใกล้ มันมีดวงตาที่ลึกซึ้งและมีปัญญาเหมือนมีเรื่องราวที่โบราณ
“ทำไมเธอถึงซ่อนตัวอยู่?” ฟินน์ถาม สัมผัสได้ถึงเรื่องราวที่ซ่อนอยู่ในท่าทีอันอ่อนโยนของมังกร
“ปีกของฉันอ่อนแอเกินไป” มังกรถอนหายใจ ดูเหมือนอายุมากกว่าที่มันแสดงออก “ฉันปรารถนาที่จะบิน เต้นรำกับดวงดาวและจูบดวงจันทร์ แต่… ตอนนี้ฉันก็เศร้าอยู่ที่นี่บนพื้นหิน”
ฟินน์นั่งขัดสมาธิอยู่ตรงหน้ามังกร “แต่เธอช่างยิ่งใหญ่และแข็งแกร่งขนาดนี้!” เขากล่าว “ลองจินตนาการถึงหุบเขาที่จะต้องทึ่งกับความสง่างามของเธอเมื่อบินอยู่บนฟ้า! ทำไมเธอถึงยังไม่ได้บินออกไปยังฟ้าร่วมกับเขา?”
“ฉันไม่สามารถ” มังกรกระซิบ ราวกับว่ายอมรับความลับที่เจ็บปวด “เมื่อนานมาแล้ว ฉันตกลงจากฟ้าในระหว่างพายุ และนับแต่นั้นมาฉันก็กลัวลม”
ฟินน์เรียนรู้ว่ามังกรมีชีวิตที่เต็มไปด้วยเรื่องราวได้เห็นแผ่นดินนับไม่ถ้วน แต่ไม่เคยสามารถรวบรวมความกล้าที่จะบินอีกเลย ขณะที่ดาว twinkle ขึ้นเหนือพวกเขาทั้งสองยังคงอยู่คุยกัน เด็กชายผู้เต็มไปด้วยความฝันและความกล้าหาญ และมังกรที่ต้องการเพียงแค่ประกายเล็กน้อยของความหวังเพื่อปลุกจิตวิญญาณที่หลับใหลของมันอีกครั้ง
“มาละ” ฟินน์ตกลงในที่สุดหลังจากเงียบไปนาน “ให้ฉันช่วยเธอ ดูสิ ว่าวันนี้ลมมันอ่อนโยนแค่ไหน รู้สึกมันไปที่เกล็ดของเธอเถอะ”
“แต่ถ้าฉันตกลงไปอีกล่ะ?” มังกรถาม เป็นความไม่แน่ใจกลับคืนมาในเสียงของมัน
“เธอต้องเชื่อในลม” ฟินน์ตอบ “และเชื่อในตัวเอง” มีความเงียบชั่วขณะเมื่อมังกรพิจารณาคำพูดนี้ ช้าๆ มันก็ยืดปีกมหาศาลของมัน ปีกของมันดูน่าทึ่ง แม้ว่ามังกรจะเชื่อว่ามันอ่อนแอ
“ตอนนี้ รู้สึกถึงลมใต้ปีกของเธอ” ฟินน์สั่ง พร้อมก้าวเข้าไปใกล้เหมือนกับนักเต้นที่อยู่ก่อนที่เสียงดนตรีจะถึงจุดสูงสุด มังกรสั่นเล็กน้อย แต่เริ่มกระพือปีกของมัน ในตอนแรกมันลังเล แต่ฟินน์ปรบมือและหัวเราะ “ดูสิ! ลมคิดถึงเธอมากเท่าที่ฉันคิดถึงเธอเลย!”
ด้วยการสนับสนุนที่เต็มไปด้วยความสุขจากฟินน์ มังกรเผยพลังก้าวออกไป มันกระพือปีกอันยิ่งใหญ่และยกตัวขึ้นจากพื้น ฟินน์หัวเราะและเชียร์ขณะที่มังกรขึ้นไปข้างบน ความกลัวของมันละลายหายไปเหมือนละอองหมอกในตอนเช้า มันบินวนไปวนมา สูงขึ้นสูงขึ้นจนเป็นเพียงเค้าโครงท่ามกลางการเต้นรำของดาว
“ดูสิ ฟินน์!” มังกรร้องเรียก เสียงของมันสะท้อนผ่านหุบเขาข้างล่าง “ฉันกำลังบินอยู่! เธอพูดถูกนะ ฉันแค่ต้องการการสนับสนุนเล็กน้อย!”
ฟินน์ยิ้มอย่างมีความสุข หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความปิติที่มีต่อเพื่อนใหม่ของเขา มังกรตัวนั้น—นั่นไม่ใช่สิ่งที่เราทุกคนต้องการในบางครั้งเหรอ? ใครสักคนที่เชื่อในตัวเรา?
เมื่อคืนกลับมาอีกครั้งและอากาศก็คงที่ ฟินน์โบกมือลา สัญญาว่าจะกลับมาเมื่อดวงอาทิตย์กายลบโลกอีกครั้ง เขาลงจากยอดเขาด้วยจิตวิญญาณที่เบากว่าเมื่อเขาปีนขึ้นไป ฟินน์ได้เรียนรู้ในคืนนั้นว่าความกล้าหาญสามารถเปล่งประกายผ่านมิตรภาพ ซึ่งนั่นคือการสนับสนุนสัตว์ที่ต้องการความช่วยเหลือและจุดประกายความหวังเมื่อดูเหมือนว่ามันจะสูญหายไป