กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วมีเด็กหญิงคนหนึ่งชื่อว่า อีลล่า เธอเป็นเด็กที่จนมากและต้องหาเลี้ยงตัวเอง เธออายุเพียงเจ็ดปี ไม่ได้ไปโรงเรียน แต่ต้องวิ่งไปทำงานต่างๆ และทำการซักผ้า นอกจากนี้ยังต้องดูแลน้องชายตัวน้อยของเธออีกด้วย พวกเขาอาศัยอยู่กับพ่อและแม่ที่ยากจนจนไม่รู้จะใช้ชีวิตอย่างไร
ดังนั้นอีลล่าจึงต้องทำงานร่วมกับพ่อ แม่ และน้องชายตั้งแต่เช้าจรดค่ำ และมักนั่งอยู่ที่มุมห้องโดยไม่มีขนมปังแม้แต่ชิ้นเดียวที่จะนำเข้าปาก วันหนึ่ง ขณะเดินกลับบ้านพร้อมกับตะกร้าผ้าหนักๆ ชายแก่ผู้ขายของได้ยกหมวกขึ้นและพูดว่า “สวัสดีตอนเย็นนะ โรส!”
“ฉันชื่ออีลล่า ไม่ใช่โรส” อีลล่ากล่าว “ทำไมคุณถึงเรียกฉันแบบนั้น?”
“โอ้ ขอโทษด้วย ฉันเห็นเธอวิ่งไปทำงานเมื่อวานนี้” ชายขายของตอบ
“ใช่” อีลล่าตอบด้วยความยินดี “ฉันใส่ชุดสีขาวใหม่”
“ใช่ และพ่อแม่ของเธอก็อยู่กับเธอ”
“พ่อแม่ไม่ได้อยู่กับฉัน แต่พ่อใส่โค้ตแบบนั้น และมันก็ดูสะอาด ส่วนแม่ใส่ชุดดำแบบเดียวกัน”
“อ่า ฉันเห็นว่าเธอได้ยินคำว่าโรส และนั่นคือสิ่งที่ดี ฉันมีสีต่างๆ ให้เลือก”
“คุณหมายถึงอะไร?” อีลล่าถาม
“ฉันหมายความว่า ชีวิตในอนาคตของเธอจะมีหลากหลายเหมือนสีของดอกกุหลาบ เพียงแต่เธอต้องเป็นคนดีและมีศีลธรรม เธอเห็นไหม ผมและเคราของฉันขาวมาก ฉันไม่แก่เลย เพราะหัวใจและความรู้สึกของฉันยังหนุ่มอยู่ แต่เวลาทำให้ผมและเคราของฉันเปลี่ยนไป เธอเองก็จะโตขึ้น และเมื่อผู้คนมองไปที่หน้าผากและผมของเธอ แก้มของเธอจะมีลักษณะเป็นดอกกุหลาบขาว”
อีลล่ายังไม่เข้าใจสิ่งที่ชายแก่หมายถึง แต่เธอก็รู้สึกดีใจและบอกเขาแบบนั้น และมันก็แปลกดี
เมื่อพ่อแม่ของเธอกลับบ้าน พวกเขาบอกว่าได้รับเงินมา ดังนั้นพ่อจึงสามารถทำอาชีพของตนเองได้และสถานการณ์ของพวกเขาจะดีขึ้น และนอกจากนี้ เธอจะถูกส่งไปโรงเรียนเหมือนเด็กคนอื่นๆ และพวกเขาก็สามารถทำงานได้อย่างดี
ในตอนนั้น มีข่าวในหนังสือพิมพ์และปากต่อปากว่าเด็กยากจนในกลุ่มคนงานและโรงงานซึ่งจ่ายเงินเพียงเล็กน้อย จะได้รับการศึกษาในโรงเรียนที่มีระเบียบและดี ซึ่งเด็กๆ จะได้รับการดูแลอย่างดี สถานณ์ของพวกเขาจะเป็นไปตามมาตรฐาน โดยหลังเวลาเรียน เด็กๆ ก็จะได้รับการเอาใจใส่ตามความต้องการหลักๆ
พ่อแม่ของอีลล่ารู้สึกพอใจมากที่เธอจะได้ไปเรียนที่นั่น พวกเขายากจนมาก และในวัยชราจะไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเธอและน้องชายที่เพิ่งเกิด ตอนนี้อีลล่าจึงถูกส่งไปโรงเรียนซึ่งไม่หรูหรา แต่มีเด็กชายคนหนึ่งที่รวยมาก ในไม่ช้ารองเท้าของเขาก็ดำและมีรอยปะ ทำให้เขาไม่สบายใจและแสดงให้อีลล่าเห็นถึงความไม่สะดวกนั้น
แต่ทุกวันก่อนเรียนเขาจะทำความสะอาดและขัดรองเท้าของเขาอย่างดี เพื่อให้ดูดีขึ้นและไม่แย่เกินไป และเช้าวันหนึ่ง เด็กชายกลุ่มหนึ่งมาวิ่งเรียกเขาด้วยความตื่นเต้น “อิซัคๆ รองเท้าของเธอกลายเป็นสีขาวแล้ว! ออกมาๆ!”
ครูและเด็กทุกคนออกไปดู เพราะมันเป็นเรื่องจริง อิซัคบอกว่าเขาไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร
แต่มันเป็นเครื่องหมายแห่งโชคร้าย แม่ของเขาเสียชีวิตไม่นานหลังจากนั้น
วันหนึ่งกัปตันเรือพาณิชย์ได้มาเยี่ยมโรงเรียน และพูดกับลูกสาวตัวน้อยของเขาคือมาเรีย นีลสัน อายุเจ็ดปีว่าเธอต้องกลับไปกับเขาไปยังโกเพนเฮเกน เพราะเขาจะจากไปในไม่ช้าและตั้งใจจะนำเธอกลับมาในฤดูร้อน ในวันนั้นและในสถานที่ที่ได้มีการรู้จักกัน เขาไม่สามารถหานางพยาบาลสำหรับเด็กหญิงตัวน้อยได้
“แต่ฉันจะไม่ไปกับคุณ” มาเรียพูด
“แต่เธอต้องไป” กัปตันตอบ
“แต่ฉันไม่” นั่นเป็นคำตอบทั้งหมดของเธอ “ฉันจะเป็นคุณผู้หญิงอีกครั้ง คุณจะไม่ลากฉันออกไปในเสื้อผ้าที่น่าเบื่ออย่างนี้ มันทำให้ฉันรู้สึกแย่กว่าที่เป็นอยู่ และเมื่อฉันอยากออกไปพบประชาชน ฉันอยากใส่รองเท้า—เอามาให้ฉัน ฟานนี่” เธอพูดพลางชี้ไปที่รองเท้าสีดำ “ฉันใส่รองเท้านี้ดีกว่ารองเท้าเหล่านี้ ทั้งๆ ที่มันดำ”
แต่ทันทีที่เธออยู่ที่ทะเล เธอก็อยากกลับไปหาสหายที่โรงเรียนและชีวิตตัวน้อยของเธออีกครั้ง
อิซัครองเท้าทำจากมือแม่ของเขา แต่พวกมันก็ใกล้จะแย่เต็มทน เขาเสียใจมากที่ต้องดูสามมันทุกวัน นั่นคือในทางที่ต้องจัดทำอาหารสำหรับชีวิตที่อยู่ต่อไป
“รองเท้านี่ดูเหมือนจะได้ใช้มาสามคืนแล้ว” อีลล่าบอกครั้งหนึ่ง
บางครั้งในคืนวันเสาร์ ขณะที่เธอโน้มตัวลงไป บ่อยครั้งที่มีเสียงเคาะเล็กๆ ที่ชายกระโปรง เธอได้รับการซักผ้าและซ่อมแซมจากแม่ของเธอ
โดยไม่ต้องพูดมาก อีลล่ามักจะต้องสวมเสื้อผ้าสีดำ และมีกลิ่นเหงื่อรอบตัว “ไม่ ขอบคุณ อย่างน้อยสักพัก” เธอจะพูด
ในท้ายที่สุด พวกเขาไม่ได้ทำรองเท้าขึ้นมาใหม่ทั้งหมด และรองเท้าเก่าก็ไม่ได้มีมุ่งหมายสำหรับการใช้โดยผู้ผลิตรองเท้า ขณะที่พวกเขาถูกพิมพ์ร่วมกันอีกครั้ง เพื่อให้ใส่ในบางเวลาที่สถานที่เดียวกัน
ต้นสนที่เพิ่งผลัดสีนั้นคล้ายส่งเสียงสะท้อน ทำให้เธอมีอารมณ์ล่าช้า ประทับใจรองเท้าของเธอและชุดที่เธอสวมอย่างสวยงาม ซึ่งต้นหญ้าได้ทำให้เกิดการขูดขีดเล็กๆ และแม่ค้าพรมสองคนไม่ได้มีความสามารถในการหยุดมันให้มีประสิทธิภาพ กลิ่นของไฟที่เกิดขึ้นนั้นช่างลำบากเกินไป
และเธอก็ได้ออกไปในวันที่ฝนตกหนัก ใส่เสื้อผ้าสีขาว เสื้อขาว พร้อมเสื้อกันฝนสีขาว ซึ่งนั่นคือสิ่งที่ถูกต้องเดียวที่มี ได้เลย รอจนกว่าฝนจะหยุดตกชัดเจน