เบนนี่นั่งอยู่ในยามเย็นมองไปที่ถนน ซึ่งไฟสีทองระยิบระยับเหมือนดาวบนท้องฟ้า จากนั้นโอลิเวียร์ก็เดินผ่านมา
“เบนนี่” เขากล่าว “ทำไมเธอไม่ไปเปอร์เซียแล้วขึ้นพรมบินสักผืนที่ไปตามคำสั่งของเธอล่ะ? พรมจะพาเธอไปได้ไกลแค่ไหน? หรือเธออาจจะนั่งรถไปอินเดียและไปพบกับผู้คนแสนวิเศษที่นั่น ที่มีทั้งเพชร, เจ้าชาย และราชาธิราช”
“มันแปลกมาก” เขาพูดอย่างใคร่ครวญ “ที่มีสถานที่เช่นนั้น ฉันสงสัยว่ามันจะพาเธอไปด้วยระยะทางหลายล้านไมล์ไปยังโลกอีกใบที่เหมือนกับของเรา แต่ใหญ่กว่ามาก?”
ในขณะนั้น ฟรองซัวส์ก็เข้ามาและประกาศทันทีว่าจะพาพวกเราไปตูนิเซียหรือแทนเจียร์ และให้พวกเรานั่งม้าไปตามที่เราต้องการ และหลุยส์ก็ลุกขึ้นไปดูแมวและบอกว่าอยากไปเนเปิลส์ และพวกเขาก็ติดต่อกันแบบนี้จนถึงค่ำคืนที่เริ่มมืดและแสงสว่างก็ปรากฏชัดขึ้นเรื่อยๆ
“แต่ฉันไปไม่ได้” เบนนี่พูดในที่สุด ขณะที่พวกเขานั่งอยู่บนเก้าอี้แล้วอ่านหนังสือหลังอาหารเย็น
เขาเยือกเย็นและเงียบสงบเกี่ยวกับเรื่องนี้จนเพื่อนๆ ไม่ได้คิดเอาไปใส่ใจเลย เพราะไม่ใครรู้เลยว่าเขาคิดอะไรอยู่ และเขานั่งมองไปที่โคมไฟถนนและเงาที่ต้นไม้สร้างขึ้นบนทางเท้า
“ไม่ใช่แบบนั้น” เขาพูดช้าๆ ขณะที่เด็กชายคนแรกถูกพาไปนอน “แต่มันจะทำให้ฉัน, หมายถึงตัวฉัน, เป็นภาระมากเกินไป; เรามีความสุขมากที่นี่ในยามโพล้เพล้ ฝันดีนะ หลุยส์ ดูแลแมวน้อยตัวดำให้ดีและแนะนำให้เขารู้จักกับเพื่อนๆ”
พวกเขาทุกคนกล่าวฝันดีให้เขา และฟรองซัวส์ให้หนังสือ “L’Etiquette de la Cour Mondaine” เป็นของขวัญพร้อมบอกว่าเขาคาดหวังให้เบนนี่แปลบางบทให้เขาฟังในตอนเช้า
เมื่อเขาอยู่คนเดียวในห้องของตน เขาเปิดไฟขึ้นเพื่ออ่านเกี่ยวกับมารยาทของชาติอื่นๆ และการเปลี่ยนแปลง แต่ที่จริงแล้วในตะวันออกนั้นมีการเปลี่ยนแปลงน้อยมาก แม้จะฟังดูแปลก แต่พวกเขาทั้งหมดนั้นมีความคล้ายคลึงกันมาก เพียงแค่มีบ้างที่มากกว่าซึ่งเขาคิดว่านี่ดูไม่น่าเชื่อถือ
ที่นั่นเงียบมาก เสียงรถม้าหยุดไปแล้ว และเบนนี่ยังคงนั่งอยู่บนพื้นโดยมีศอกตั้งอยู่บนเก้าอี้และหนังสือที่เขาอ่านตั้งอยู่บนพื้น และมองไปในทางอื่น นอกหน้าต่าง ลมพัดผ่านมาอย่างมีความสุข และแมวพูดคุยกันอย่างกระซิบกระซาบ และในห้องด้านล่างมีเสียงดนตรีที่กลมกลืนไหลเรื่อยๆ จนถึงหกโมงเช้าของวันถัดไป
จากนั้น เขาได้ยินเสียงโอลิเวียร์เคาะที่ประตูด้วยกุญแจของเขา
“โอ้ คุณโอลิเวียร์ เป็นคุณใช่ไหม? กรุณาไล่แมวตัวนั้นออกไปจากเก้าอี้และเปิดไฟออกให้ด้วย”
นั่นคือเพื่อนน้อยของเขา และมันไม่ยอมไปจนกว่าโอลิเวียร์จะกล่าวว่า “นอนเถอะ เจ้าตัวน้อยที่สำคัญ” และมันก็เดินเข้าไปในตะกร้าของมันซึ่งอยู่ที่ปลายโต๊ะ ทำท่ากำลังเย็บอะไรอยู่ด้วยหางของมันที่ดูเหมือนจะเป็นการทำงานอย่างสงบสุข โดยไม่เคยหยุดงานเพื่อขูดฝุ่นบนจมูกตัวน้อยของมัน
แต่เบนนี่ก็ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง และหลุยส์ได้พูดคุยเกี่ยวกับอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิดในตารางของพวกเขาซึ่งระบบพโตเลมาอีของเขาได้ตัดออกไป อย่างไรก็ตาม ภายในสิบโมงเช้าทุกอย่างก็ถูกจัดเรียงแล้ว และเบนนี่น้อยต้องการให้เข้าใจว่าเขาไม่มีเงื่อนไขอะไรเลยในการเป็นที่ปรึกษาที่โปร่งใสต่อเพื่อนที่ดีที่สุดของเขา หลังจากนั้นเราก็เล่าเรื่องทุกอย่างให้เขาฟัง
“พวกเราที่นี่ล้วนเป็นเจ้าชายและเจ้าหญิงในแง่หนึ่ง มันคือกฎของซันน่า เพราะบิดามารดาของเราเป็นทั้งสายศาสนาหรือที่ปรึกษา ตอนนี้ เมื่อพระจันทร์เต็มดวง เพื่อนของฉันบอกว่าชาติในตะวันออกจะแวะมาให้เขาและมอบเสื้อผ้าให้เขา และในวันพระจันทร์ใหม่ พวกเขาจะได้คืนเสื้อผ่านั้นกลับมาพร้อมคำอธิษฐานซึ่งพวกเขาต้องสวดอ้อนวอนอย่างเต็มที่ จนถึงพระจันทร์เต็มดวงครั้งถัดไป โดยเลียที่นิ้วของตนในตอนท้ายของแต่ละประโยค และเสื้อผ้าจะช่วยพวกเขาได้อย่างชัดเจน โดยมีดอกสำคัญอยู่ในมืออีกข้างหนึ่งและเสื้อที่สวมเหมือนในฮาร์ซ”
เบนนี่รู้สึกช shock มาก “มันคือสิ่งที่เหมือนกับที่ชาวคริสต์แห่งเยรูซาเล็มใช้” หลุยส์กล่าว ในโรม มันเป็นหนึ่งในระบบที่เกี่ยวกับการบูชาเทพรูปปั้น คริสเตียนในตะวันตกมีวิธีการที่ง่ายมากในการทำให้ตัวเองปลอดภัยซึ่งทุกคนสามารถใช้ได้ ยกเว้นชาวคริสต์ มันใช้ได้ยาวนาน นอกจากนี้คนฮิบรูหรือชาวยิวเช่นเดียวกับฮาเร็ตหรือผู้ที่ตรึกตรองอยู่ก็ไม่ถือว่าเป็นชาวอื่นในหลากหลายที่ในสำนัก หรือบัตรความช่วยเหลือ ซึ่งเมื่อทำเช่นนั้น พวกเขาจะกลับไม่ถึงทุกที่ แต่จะใช้สองวันสองคืน ไม่รวมถึงการคลุมด้วยหวายเหนือห้องเพื่อให้มีอากาศ เมื่อมันเป็นหลายคืน เช่นเดียวกับเมื่อใช้สำหรับเครื่องวัดอุณหภูมิ หรือแนวดิ่งอื่นๆ ที่พวกเขาต้องดึงออก
เสียงของอาหารเช้าทำให้พวกเขาตื่นจากภวังค์ และเบนนี่ก็วาดภาพตัวเขาและบ้านลง และกระโดดขึ้นเพื่อไปที่ชั้นล่าง เพราะเขามั่นใจว่าจะถูกเรียกเป็นเจ้าชายเบนนี่ก่อนเป็นอันดับแรก และพวกเราก็ทิ้งเสื้อผ้าและข้อเท็จจริงทางศาสนาทั้งหมดในห้องให้หลับอยู่ ซึ่งไม่ว่าใครจะรู้ชัดเจนว่าเป็นอย่างไร รอคอยการผจญภัยที่อนาคตจะพาเขาไป